โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2488มาตรา 4, 7, 48, 73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83 ริบของกลางและสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 7, 48, 73,74 ทวิ, 74 จัตวา จำเลยที่ 2 อายุ 18 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 1 ปี ปรับ 7,000 บาทจำเลยที่ 2 จำคุก 6 เดือน ปรับ 3,500 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน ปรับ 3,500 บาท จำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 3 เดือน ปรับ 1,750 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ริบของกลาง ให้จ่ายเงินสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่าพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 และมาตรา 73ต่างบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษเป็นสองวรรค แต่ละวรรคได้วางอัตราโทษไว้แตกต่างกัน ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48 และมาตรา 73 โดยไม่ระบุว่าเป็นความผิดวรรคใดให้ชัดเจนคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7) หรือไม่ เห็นว่าแม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยไม่ได้ระบุวรรคว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดวรรคใดก็ตามแต่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 48 และมาตรา 73 เช่นนี้ จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ระบุอ้างบทมาตราที่เป็นบทความผิดและบทกำหนดโทษยกขึ้นปรับแก่คดีตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7) ประกอบมาตรา 214 บัญญัติไว้ถูกต้องแล้วคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงชอบด้วยกฎหมายส่วนการที่ศาลล่างทั้งสองไม่ได้ระบุว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามวรรคใดนั้นเป็นเพียงการไม่สมบูรณ์ชัดเจนเท่านั้นหาได้ทำให้เป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใดไม่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังเป็นยุติว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่งและมาตรา 73 วรรคสอง ศาลฎีกาเป็นสมควรแก้ไขให้ครบถ้วนสมบูรณ์ได้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน
โจทก์ฎีกาเป็นข้อสุดท้ายว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาลงโทษและลดมาตราส่วนให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งโดยมิได้กำหนดโทษที่จะลงก่อนแล้วจึงลดมาตราส่วนโทษก็ดี ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 มิได้ปรับมาตราที่ลดโทษว่าเป็นมาตราใดก็ดีคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 และมาตรา 76 และไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7) นั้นเห็นว่า การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76คือการลดอัตราโทษขั้นสูงและขั้นต่ำ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำโดยลดลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งแล้วจึงกำหนดโทษที่จะลงในระหว่างนั้น มิใช่ให้ศาลกำหนดโทษที่จะลงไว้ก่อนแล้วจึงลดจากโทษที่ได้กำหนดไว้นั้นดังที่โจทก์อ้างจึงต่างกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 ซึ่งเป็นเรื่องการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษที่จะลงจากโทษที่ได้กำหนดแล้วนอกจากนี้การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76ก็มิใช่เป็นบทมาตราซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นบทความผิดหรือบทกำหนดโทษแม้ศาลชั้นต้นมิได้ปรับบทที่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2ว่าเป็นมาตรา 76 ก็ไม่เป็นเหตุให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7) ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง และมาตรา 73 วรรคสองนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1