โจทก์ฟ้องว่า นายมูลซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้เข้าจับจำเลยขณะบวชเป็นสามเณร ในข้อหาว่าละเมิดวินัยสงฆ์และศีลธรรมอันดีของประชาชนจำเลยกลับใช้มีดแทงนายมูลและแทงนายสอนผู้ช่วยเหลือนายมูลในการจับจำเลย มีบาดแผลสาหัสโดยเจตนาฆ่าคนทั้งสองให้ตาย แต่คนทั้งสองได้รับการรักษาพยาบาลอย่างดีจึงไม่ตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 80, 296
ชั้นแรกจำเลยให้การว่า ต่อสู้ป้องกันตัว เมื่อสืบผู้เสียหายแล้ว จำเลยรับว่า ได้แทงผู้เสียหายฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่านายสอนผู้ช่วยเหลือนายมูลผู้ใหญ่บ้านผู้ทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(3), 80 ฐานหนึ่ง และผิดฐานทำร้ายร่างกายนายมูลผู้เป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 อีกฐานหนึ่ง แต่การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียววางโทษตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นบทหนัก กำหนดโทษประหารชีวิตแต่การกระทำเป็นเพียงพยายามลดโทษลง 1 ใน 3 ตามมาตรา 80, 52 จำเลยอายุ 20 ปี ลดโทษลงอีก 1 ใน 3 ตามมาตรา 76, 53 จำเลยรับลดโทษอีกกึ่งหนึ่งตาม มาตรา 78 คงให้จำคุกจำเลย 7 ปี 6 เดือนมีดของกลางริบ คืนจีวรของกลางแก่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ศาลชั้นต้นว่า จำเลยไม่ทราบว่านายมูลเป็นผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้านไม่มีอำนาจจับจำเลยในเวลากลางคืนบนเรือนนางจันทร์แก้วอันเป็นที่ระโหฐาน จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่านายสอนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายมูลตาม มาตรา 295 แต่การกระทำเป็นกรรมเดียวต่อเนื่องกัน จึงให้ลงโทษตาม มาตรา 288 ซึ่งเป็นบทหนัก วางโทษ 2 ใน 3 ส่วน ฐานพยายามตาม มาตรา 80 จำคุก 12 ปี จำเลยอายุ 20 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76 จำเลยรับลดกึ่งตาม มาตรา 78 คงจำคุก จำเลย 4 ปี
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยควรมีความผิดตาม มาตรา 289, 296 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษลงอีก
คดีมีปัญหาชั้นฎีกาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,296 หรือไม่ ทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยได้ทำร้ายนายสอน นายมูล ในเวลากลางคืน และเป็นการจับจำเลยในที่รโหฐานโดยไม่มีอำนาจ ทั้งไม่ปรากฏว่ามีความผิดอาญาเกิดขึ้นซึ่งหน้าแต่ประการใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ ชอบแล้ว
ส่วนที่จำเลยขอให้ลดโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ได้ลดโทษให้จำเลยเบาพอควรแก่กรณีแล้ว
ศาลฎีกาพิพากษายืน