โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้พร้อมทั้งดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน 135,094 บาท 16 สตางค์ และต่อมาได้ขอให้ศาลสั่งอายัดเงินค่าจ้างเหมาสร้างศาลากลางจังหวัดสมุทรสงครามที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นไว้ก่อนมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นสั่งอายัดตามขอ ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งอายัดเสีย โดยอ้างว่าจำเลยได้โอนสิทธิเรียกร้องในเงินจำนวนนี้ให้ผู้ร้องไว้โดยชอบก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอายัด
โจทก์คัดค้านว่า การโอนสิทธิเรียกร้องนั้นไม่ชอบ เพราะเป็นการโอนเพื่อหลบเจ้าหนี้และสิทธิเรียกร้องนั้นก็เป็นสิทธิที่มีเงื่อนไขเวลา
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่าสิทธิเรียกร้องนั้นได้ถูกโอนไปโดยชอบแล้ว จึงสั่งถอนคำสั่งอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องของจำเลยในเงินค่าจ้างตามสัญญาจ้างเหมา เพื่อเป็นการชำระหนี้ที่จำเลยเป็นลูกหนี้ผู้ร้องอยู่ ได้บอกกล่าวการโอนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามและกรมโยธาเทศบาลคู่สัญญากับจำเลยทราบ และได้รับความยินยอมด้วยในการโอนนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 303 สิทธิเรียกร้องย่อมโอนกันได้ ทั้งจำเลยได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 303 ครบถ้วนแล้ว และได้โอนสิทธิเรียกร้องนั้นไปก่อนวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม สิทธิที่จะได้รับเงินค่าจ้างเหมาได้ตกเป็นของผู้ร้องและขาดจากการเป็นสิทธิหรือทรัพย์สินของจำเลยแล้วแม้ว่าขณะโอนสิทธินั้นจะยังไม่ถึงกำหนดงวดที่จำเลยจะได้รับเงินตามสัญญาจ้างเหมา จำเลยก็โอนสิทธิดังกล่าวให้ผู้ร้องได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าในขณะโอนผู้ร้องได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้เจ้าหนี้อื่นรวมทั้งโจทก์ต้องเสียเปรียบ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะขอให้ศาลอายัดเงินจำนวนนี้ได้
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์