โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.2685/2551 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี ยกคำขอให้นับโทษต่อ
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้เป็นยุติว่า ในวันเกิดเหตุ หลังเวลาเกิดเหตุตามฟ้องแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจร่วมกันจับกุมนายขุนนนท์หรือนนท์ พร้อมเมทแอมเฟตามีน 13 เม็ดและจับกุมนายปิยวัฒน์หรือต้น พร้อมเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด หลังถูกจับกุมแล้วทั้งนายขุนนนท์และนายปิยวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า ซื้อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมาจากจำเลย เจ้าพนักงานตำรวจจึงดำเนินการออกหมายจับจำเลยไว้ ต่อมาจำเลยถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดคดีอื่น และถูกอายัดตัวส่งมาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีนี้ โดยในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไม่มีพิรุธน่าสงสัยแต่อย่างใด สามารถยืนยันให้รับฟังข้อเท็จจริงได้อย่างแน่ชัดว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายขุนนนท์และนายปิยวัฒน์ตามฟ้องจริง
ที่จำเลยฎีกาว่า การขายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องโจทก์เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวนั้น เห็นว่า แม้นายปิยวัฒน์จะอ้างว่าได้มอบเงินให้นายขุนนนท์แล้วนายขุนนนท์มอบเงินให้จำเลย เท่ากับนายขุนนนท์เท่านั้นที่เป็นผู้ซื้อจากจำเลยเพียงครั้งเดียว แล้วจำเลยจึงมอบเมทแอมเฟตามีน 23 เม็ด ให้นายขุนนนท์ แต่นายขุนนนท์กลับเบิกความยืนยันว่า ขณะติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยได้แจ้งแก่จำเลยแล้วว่า ตนเองขอซื้อ 13 เม็ด และนายปิยวัฒน์ขอซื้อ 10 เม็ด ในขณะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้กัน ปรากฏว่าจำเลยเตรียมเมทแอมเฟตามีน แยกมาสำหรับนายปิยวัฒน์ 10 เม็ด และสำหรับนายขุนนนท์ 13 เม็ด แยกกันส่งมอบให้แต่ละคนตามจำนวนที่ขอซื้อ อันแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยได้อย่างชัดเจนว่า จำเลยตั้งใจที่จะจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้นายปิยวัฒน์ 10 เม็ด แยกต่างหากจากที่จำหน่ายให้นายขุนนนท์อีก 13 เม็ด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำสองกรรมต่างกัน ไม่ใช่กรรมเดียวตามที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน