โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 28, 30, 31, 61, 69, 70, 75, 76 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4, 6, 34 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 และให้แผ่นวีซีดีเกมที่ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวน 8 แผ่น ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ สั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (1),70 วรรคสอง พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 34 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ของกลางมีจำนวนเล็กน้อย ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวโดยรอการกำหนดโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ให้แผ่นวีซีดีเกมที่ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวน 8 แผ่น ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยอธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูง ผู้ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์พ.ศ. 2530 นั้น ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ออกใช้บังคับโดยมาตรา 3 (4) ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 และมาตรา 4 บัญญัติให้นิยามคำว่า วีดิทัศน์ หมายความว่า วัสดุที่มีการบันทึกภาพ หรือภาพและเสียงซึ่งสามารถนำมาฉายให้เห็นเป็นภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องในลักษณะที่เป็นเกมการเล่นและมาตรา 54 วรรคหนึ่ง บัญญัติห้ามผู้ใดประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน ดังนั้น เมื่อการกระทำของจำเลยในความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายเก่า คือการจำหน่ายแผ่นวีซีดีเกมซึ่งบันทึกภาพและเสียงเข้าลักษณะเป็นการจำหน่ายวีดิทัศน์ตามกฎหมายใหม่ด้วย กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่ากฎหมายใหม่ยกเลิกการกระทำความผิดของจำเลยดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดีทัศน์ตามกฎหมายใหม่ มาตรา 82 ระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่ โดยไม่มีโทษจำคุก ซึ่งต่างจากความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ตามกฎหมายเก่า ซึ่งมาตรา 34 ให้ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับดังนั้น โทษตามกฎหมายใหม่ที่มีเพียงโทษปรับโดยไม่มีโทษจำคุกจึงเป็นคุณมากกว่ากฎหมายเก่าที่มีโทษจำคุกด้วย จึงต้องใช้กฎหมายใหม่ในส่วนที่ไม่มีโทษจำคุกซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยมากกว่ามาใช้บังคับแก่คดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 และเมื่อกฎหมายใหม่มีเพียงโทษปรับโดยไม่มีโทษจำคุกด้วย กรณีจึงไม่อาจรอการกำหนดโทษแก่จำเลยในความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์หรือวีดิทัศน์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ได้ คดีนี้ในส่วนความผิดของจำเลยที่จำหน่ายแผ่นวีซีดีเกม จึงลงโทษได้เพียงโทษปรับ ในส่วนของโทษปรับที่ศาลจะนำมาพิจารณาลงโทษนั้น เมื่อโทษปรับตามกฎหมายเก่าลงโทษปรับได้เพียงไม่เกินสองหมื่นบาท แต่ตามกฎหมายใหม่กำหนดให้ศาลลงโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท ทั้งยังให้ปรับต่อไปรายวันอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท โทษปรับตามกฎหมายเก่าจึงเป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้โทษปรับตามกฎหมายเก่าในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง, 82 ด้วย ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ปรับ 50,000 บาท ฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์หรือวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับ 10,000 บาท รวมปรับ 60,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 30,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จ่ายเงินค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์ให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง