โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ริบเมทแอมเฟตามีน กระเป๋า และถุงพลาสติกของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2), 65 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา 66 วรรคหนึ่ง วรรคสอง) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายและฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษประหารชีวิต ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ 52 (2) ฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย จำคุก 25 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 27 ปี 6 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน กระเป๋า 2 ใบ และถุงพลาสติก 144 ถุง ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้แบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนใส่ในถุงพลาสติกใสตามฟ้องนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเป็นถุงย่อย ๆ รวม 16 ถุง แยกบรรจุเป็นถุงละ 20 เม็ด 10 เม็ด 8 เม็ด 4 เม็ด และ 1 เม็ด รวมเป็นเมทแอมเฟตามีน 223 เม็ด จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลยแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนใส่ในถุงพลาสติกใสตามฟ้อง จำเลยจะฎีกาโต้เถียงว่า จำเลยไม่ได้แบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนใส่ในถุงพลาสติกใสตามฟ้องหาได้ไม่ เพราะขัดกับคำรับสารภาพของจำเลยและมิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยให้การปฏิเสธข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยเพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้แบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนของกลาง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการผลิตเมทแอมเฟตามีน มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุตามฟ้องเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 65 วรรคสอง หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ตามบทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ที่ให้บทนิยามคำว่า "ผลิต" ให้หมายความรวมตลอดถึงการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุด้วย ซึ่งการกระทำความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยการแบ่งบรรจุหรือรวมบรรจุนั้น พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน โดยบัญญัติเพิ่มเติมให้มีวรรคสามและวรรคสี่ ทั้งนี้ เหตุผลในการแก้ไขบทกฎหมายดังกล่าวของวุฒิสภาแสดงไว้ชัดเจนว่า เป็นการเพิ่มเติมโทษความผิดฐานผลิตโดยการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 กรณีไม่ถึงบทสันนิษฐานและเกินบทสันนิษฐานของกฎหมาย เพื่อความเหมาะสมกับพฤติการณ์ในการกระทำความผิดอันแสดงให้เห็นว่าเป็นการแก้ไขโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดให้มีบทความผิดและบทลงโทษสำหรับการกระทำความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุไว้เป็นกรณีเฉพาะแยกต่างหากจากบทความผิดและบทลงโทษในความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ในกรณีทั่วไปตามมาตรา 65 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ซึ่งมีสภาพแห่งความผิดเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมมากกว่าการกระทำความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุ ยิ่งกว่านั้นการกำหนดเพิ่มเติมให้มีบทความผิดและบทลงโทษสำหรับความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุนี้ มีบัญญัติใช้เป็นสองกรณี คือ กรณีไม่ถึงบทสันนิษฐานและกรณีเกินบทสันนิษฐานของกฎหมาย อันหมายถึงกรณีกระทำความผิดโดยมีปริมาณยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ หรือจำนวนหน่วยการใช้ หรือน้ำหนักสุทธิไม่ถึงบทสันนิษฐาน และกรณีเกินบทสันนิษฐานของกฎหมายตามความในมาตรา 15 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 นั่นเอง ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบกับข้อความที่บัญญัติในมาตรา 65 วรรคสามและวรรคสี่แล้ว บทบัญญัติมาตรา 65 วรรคสาม มุ่งใช้บังคับสำหรับการกระทำความผิดที่ปริมาณยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไม่ถึงบทสันนิษฐานของกฎหมายมาตรา 15 วรรคสาม ส่วนบทบัญญัติมาตรา 65 วรรคสี่ มุ่งใช้บังคับสำหรับการกระทำความผิดที่ปริมาณยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีเกินบทสันนิษฐานของกฎหมายมาตรา 15 วรรคสาม ส่วนการที่มาตรา 65 วรรคสี่ บัญญัติว่า "ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสาม เป็นการกระทำเพื่อจำหน่าย..." นั้น หมายถึง การกระทำความผิดฐานผลิตโดยการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุเท่านั้น ไม่ได้หมายความถึงการผลิตโดยการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุนั้นจะต้องมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ หรือมีจำนวนหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่ถึงปริมาณที่กำหนดตามมาตรา 15 วรรคสาม ด้วย คดีนี้ จำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเป็นถุงย่อย ๆ รวม 16 ถุง แยกบรรจุเป็นถุงละ 20 เม็ด 10 เม็ด 8 เม็ด 4 เม็ด และ 1 เม็ด รวมได้เมทแอมเฟตามีน 223 เม็ด มีน้ำหนัก 19.915 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 4.905 กรัม ดังนี้ เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยผลิตโดยการแบ่งบรรจุดังกล่าวจึงมีปริมาณต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามมาตรา 15 วรรคสาม (2) แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ที่ให้ถือว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดและต้องรับโทษตามมาตรา 65 วรรคสี่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายแต่ปรับบทลงโทษตามมาตรา 65 วรรคสองมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย แม้จำเลยมิได้ฎีกา แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และสมควรกำหนดโทษจำเลยเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 65 วรรคสี่ ฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายและฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายเพียงบทเดียว จำคุก 14 ปี และปรับ 800,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 7 ปี และปรับ 400,000 บาท รวมกับโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เป็นจำคุก 9 ปี 6 เดือน และปรับ 400,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับไม่เกิน 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์