โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335, 357, 83 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ผู้เสียหายยังไม่ได้คืนจำนวน 11,040 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฎิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางประนอม แก้วสุวรรณ ผู้เสียหายซึ่งเป็นย่าของจำเลยที่ 1 ขอถอนคำร้องทุกข์เฉพาะจำเลยที่ 1ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 (3) (4) (7) (8) วรรคสาม จำเลยที่ 2 อายุกว่า 14 ปีแต่ไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 จำคุก2 ปี คำรับในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และข้อนำสืบของจำเลยที่ 2เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน จำนวน 11,040 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลย ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์ของผู้เสียหาย ตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.14 และได้นำชี้ที่เกิดเหตุและแสดงท่าประกอบในการกระทำผิดให้เจ้าพนักงานตำรวจถ่ายภาพไว้นั้นศาลได้ตรวจค่าให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวแล้วเห็นว่า แตกต่างจากคำเบิกความของเด็กชายฉลองเบิกความว่า เห็นจำเลยทั้งสองขับรถจักรยานยนต์ไปบ้านของผู้เสียหาย แต่ตามบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ได้ความว่าได้เดินไปทั้งไปและกลับนอกจากนี้ตอนนางสมถวิลไปรับอาวุธปืนของกลางที่กุฎิของพระปิยะนางสมถวิล เบิกความว่า อาวุธปืนอยู่ในเป้อยู่ที่กุฎิพระปิยะไม่พบจำเลยที่ 2 แต่ในคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ระบุว่าจำเลยที่ 2 เป็นคนหยิบเป้ใส่อาวุธปืนให้นางสมถวิล ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในคำให้การชั้นสอบสวนแตกต่างกับพยานโจทก์และพยานจำเลยที่นำสืบทั้งจำเลยที่ 2 อ้างว่า ที่ยอมให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพราะถูกเจ้าพนักงานตำรวจขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย คำให้การชั้นสอบสวนจึงไม่ชอบไม่อาจใช้ยันจำเลยที่ 2 ในชั้นพิจารณาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 และ 135พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบมาไม่พอฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ได้
พิพากษายืน