ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยได้เสียกับน้องสาวของภรรยาของจำเลย ไม่ใช่เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงไม่เป็นเหตุให้หย่า ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์จำเลยได้เป็นสามีภรรยากันโดยทางลักพาเมื่อโจทก์อายุได้ ๑๕ ปี ได้จดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๔๘๗ โจทก์ได้พาจำเลยมาอาศัยอยู่ที่บ้านของบิดามารดาโจทก์ ครั้งเดือน ๔ พ.ศ.๒๔๘๗ จำเลยได้พาน้องสาวโจทก์อายุ ๑๕ ปีไปเป็นภรรยา แล้วจำเลยไปอยู่ที่อื่น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมีนิสัยชอบลักพาหญิงผู้เยาว์ ครั้งลักพาโจทก์ย่อมทำความชอกช้ำให้แก่บิดามารดาโจทก์มาก ต่อมามารดาโจทก์กรุณาให้มาอาศัยอยู่ด้วย น่าจะรู้สึกสำนึกถึงความดีมีคุณของมารดาโจทก์บ้าง กลับมาลักพาน้องสาวโจทก์ไปเพื่อความใคร่ของตนอีก ความเจ็บช้ำระทมใจของโจทก์และมารดาจะมีสักเพียงใด สำหรับความเห็นของบุคคลอื่น ๆ ย่อมจะเห็นว่าจำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้หย่าขาดได้ตาม มาตรา ๑๕๐๐ (๒) จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น