โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกสมคบกันเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ของนายจีน ขอให้ลงโทษ ชั้นแรกจำเลยให้การรับสารภาพตามโจทก์ฟ้อง แต่ในระหว่างที่ศาลนัดสืบพยานโจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพ จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยให้การรับโดยเข้าใจผิด ขอให้การใหม่ปฏิเสธฟ้องโจทก์ และได้ยื่นคำให้การและบัญชีระบุพยานจำเลยด้วย ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาต โดยอ้างเหตุจำเลยให้การรับสารภาพต่อหน้าศาลด้วยความจริงใจ พิพากษาจำคุกจำเลยคนละ ๑๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามกฎหมายย่อมให้โอกาสจำเลยสู้คดีอาญาได้เต็มที่ดังจะเห็นได้ตามมาตรา ๑๗๒ ประมวลวิธีพิจารณาความอาญา คดีนี้แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพต่อศาลในวันโจทก์ยื่นฟ้องแล้วก็ตามแต่จำเลยก็ได้กลับขอให้การใหม่ปฏิเสธฟ้องโจทก์เมื่อก่อนวันสืบพยานโจทก์ ทั้งได้ยื่นบัญชีระบุพยานที่จะสืบตามข้อต่อสู้ด้วย จำเลยชอบที่จะทำได้ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาคดีเสียใหม่
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ว่าคดีนี้แม้จำเลยจะได้ให้การรับสารภาพแล้วก็ขอเปลี่ยนแก้คำให้การใหม่ได้ และโจทก์ยังฎีกามาอีกว่า ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทย์จำเลยใหม่ทั้งหมดไม่ชอบ เพราะเป็นการเกินคำขอของจำเลย ซึ่งขอมาในอุทธรณ์แต่เพียงให้ศาลสืบพยานจำเลยต่อไปเท่านั้นและทั้งอาจเป็นเหตุเสียหายแก่คดีโจทก์ด้วยเพราะคดีเกิดมานานแล้ว พยานต้องมาให้การใหม่อาจหลงลืมข้อความไปก็ได้ ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้พิจารณาทั้งหมดก็น่าจะมีความประสงค์เพื่อประโยชน์แก่คดีของโจทก์ เพราะการพิจารณาสืบพยานโจทก์ที่แล้วมานั้น เป็นการสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียว อาจไม่ได้ซักถามพยานถ้วนถี่เหมือนคดีที่จำเลยให้การปฏิเสธก็เป็นได้ จึงได้ให้โอกาสโจทก์นำพยานเข้าสืบใหม่ทั้งหมด แต่ถ้าโจทก์เห็นว่าไม่เป็นการเสียหายแก่คดีโจทก์ๆไม่นำพยานเข้ามาสืบใหม่โดยขอให้ศาลถือเอาพยานที่สืบมาแล้ว ก็ไม่น่าขัดข้อง เพราะการสืบครั้งก่อนก็ได้สืบต่อหน้าจำเลยแล้ว จึงพิพากษายืน