โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ทำสัญญากับโจทก์ในฐานะเป็นตัวแทนของตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศ สัญญามีข้อความว่า เจ้าของที่ฝ่ายใดสร้างตึกแถวก่อน ต้องยอมให้เจ้าของข้างเคียงใช้ฝาผนังร่วมโดยยอมเสียค่าฝาให้ครึ่งหนึ่ง จำเลยที่ ๒ เป็นผู้อาศัยในที่ดินที่จำเลยที่ ๑ ดูแลแทนเจ้าของ จำเลยที่ ๑ ใช้ให้จำเลยที่ ๒ ใช้ฝาผนังของโจทก์แล้วไม่ชำระเงิน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินตามสัญญา และเรียกดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ร่วมกันในศาลชั้นต้นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ เพราะจำเลยที่ ๑ เป็นเพียงตัวแทน โจทก์เรียกดอกเบี้ยไม่ได้ เพราะสัญญาไม่ได้ระบุให้ดอกเบี้ยกัน ฯลฯ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ชนะบางส่วน
จำเลยฎีกาแต่ฝ่ายเดียวว่า โจทก์ที่ ๒ ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะจำเลยที่ ๑ เป็นเพียงตัวแทนทำสัญญา และจำเลยที่ ๒ ไม่ใช่คู่สัญญากับโจทก์ และจำเลยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เพราะฟ้องตามสัญญา และความรับผิดตามสัญญานั้นยังเป็นปัญหาโต้เถียงกันอยู่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของตัวการที่อยู่ต่างประเทศ ฉะนั้น โจทก์ที่ ๒ มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ ได้ ส่วนที่โจทก์ที่ ๒ ฟ้องจำเลยที่ ๒ ฐานผิดสัญญานั้น จำเลยที่ ๒ เป็นบุคคลนอกสัญญา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะไม่ได้ยกต่อสู้ในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาก็ยกขึ้นเองได้ตามสัญญา จำเลยที่ ๑ ต้องใช้เงินค่าใช้ฝาให้โจทก์ โจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ ๑ ชำระแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ ได้ชื่อว่าผิดนัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๐๔ และต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
พิพากษาแก้.