โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 290, 295
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางฉลวย มารดานายสมพงษ์ ผู้ตาย และเด็กหญิงพุฒินาท บุตรผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต โดยเรียกนางฉลวยว่าโจทก์ร่วมที่ 1 และเรียกเด็กหญิงพุฒินาทว่าโจทก์ร่วมที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก, 295 ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 6 ปี
โจทก์ร่วมทั้งสองและจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 3 ปี คำให้การชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 2 ปี ให้รอการลงโทษจำเลยทั้งสองไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ร่วมทั้งสองฎีกาว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคสอง นั้น เห็นว่า โจทก์ร่วมทั้งสองเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสอง โดยอาศัยสิทธิตามฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ เมื่อคำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคสอง แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความตามที่โจทก์ร่วมทั้งสองฎีกาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันตระเตรียมอาวุธมาทำร้ายผู้ตาย ศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคสอง ซึ่งเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้กล่าวมาในฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ฎีกาของโจทก์ร่วมทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น...
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7