โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้มอบหมายให้นายจรูญ เลิศศิริ ผู้จัดการเข้าทำสัญญาให้เช่าซื้อโทรทัศน์กับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการชำระค่าเช่าหรือผิดสัญญาของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 เช่าซื้อโทรทัศน์ไปแล้วได้ชำระค่าเช่าซื้อเพียงงวดเดียวแล้วก็ไม่ชำระ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 และให้จำเลยที่ 1 คืนเครื่องวิทยุโทรทัศน์ จำเลยที่ 1ก็เพิกเฉยเสียโจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ 2 ชำระ ก็ไม่ชำระ จึงต้องฟ้องขอให้ศาลบังคับ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า สัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์ โจทก์มีสิทธิฟ้องไม่เกิน8,000 บาท โจทก์ผ่อนเวลาให้จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้ยินยอม สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่สมบูรณ์และคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระและราคาวิทยุโทรทัศน์ 4,000 บาท ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาเช่าซื้อกฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 การแต่งตั้งตัวแทนเพื่อกิจการนั้นจึงต้องทำเป็นหนังสือด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 798 โจทก์ไม่มีหนังสือแต่งตั้งมอบหมายให้นายจรูญผู้จัดการเป็นตัวแทนมาแสดง จึงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้แต่งตั้งมอบหมายให้นายจรูญเป็นตัวแทนโจทก์เข้าทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ของโจทก์กับจำเลยที่ 1 และจะนำพยานบุคคลมาสืบแทนพยานเอกสารไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ก) การเช่าซื้อดังกล่าวจึงเท่ากับไม่ได้ทำเป็นหนังสือจึงเป็นโมฆะ สัญญาค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงไม่อาจจะมีขึ้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681 จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง โจทก์ เฉพาะจำเลยที่ 2