โจทฟ้องว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายนายรุนนายรัดและนายห่อถึงบาดเจ็บสาหัส  ขอไห้ลงโทส
ได้ความว่านายห่อเมาสุราจะเตะนายยงค์  แต่เตะผิดตัวไปถูกเอาจำเลยที่ ๑ ๆ จึงฟันนายห่อหนึ่งทีแล้วเกิดทำร้ายกันชุลมุนเปนหมู่  เมื่อเลิกกันแล้วปรากตว่านายรุน นายรัก  นายห่อบาดเจ็บ  นายรุน นายรัก รักสาหยู่ประมาน ๑ เดือนหาย  นายห่อบาดเจ็บสาหัสไม่สามาถมาเบิกความได้หลังจากเกิดเหตุแล้ว ๒ เดือนเสสยังไม่หาย
สาลชั้นต้นพิพากสาลงโทสจำเลยทุกคนตามกดหมายลักสนะอาญามาตรา ๒๕๖,๖๓
สาลอุธรน์พิพากสาแก้ว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามมาตรา ๒๕๔ เพราะนายห่อผู้บาดเจ็บโจทไม่ได้นำตัวมาเบิกความจะฟังว่าบาดแผลสาหัสไม่ได้  ส่วนที่ ๒,๓,๔ มีความผิดถานวิวาทตามมาตรา ๒๕๘ และฉเพาะจำเลยที่ ๑ ควนลดโทสถานยั่วโทสะตามมาตรา ๕๕
โจทดีกาว่า  คดีไม่เข้าเกนท์ยั่วโทสะตามมาตรา ๕๕ และไม่เข้าเกนท์วิวาทตามมาตรา ๒๕๘ ควบเข้า ม.๒๕๖
สาลดีกาเห็นว่าการที่นายห่อไปเตะจำเลยที่ ๑  จึงทำร้ายเอานั้นเปนกรนียั่วโทสะแล้ว  ส่วนการกะทำของจำเลยจะเข้ามาตรา ๒๕๘ หรือ ๒๕๖ นั้นจำเลยที่ ๑ ผิดตามมาตรา ๒๕๖ จำเลยที่ ๒,๓,๔ ฟังไม่ถนัดว่าไครทำร้ายไคร  กรนีจึ้งต้องด้วยมาตรา ๒๕๘ จึงพิพากสาสาลอุธรน์ฉเพาะคดีสำหรับจำเลยที่ ๑ เปนไห้จำคุกตามที่สาลชั้นต้นไต่สวนพิพากสาไว้แต่ไห้ลดไห้ตามกดหมายลักสนะอาญามาตรา ๕๕ ถานยั่วโทสะกึ่งหนึ่ง