บุตร์ ค.ต้องหาว่าฆ่าคนตาย ค.จึงไปหา อ. ซึ่งเปนเสมียนฝึกหัดอยู่ที่ศาลมณฑลนครราชสีมา อ.ได้พา ค.ไปหา ป.ซึ่งเปนนักเรียนอัยยการ ป.รับจะช่วยเหลือไม่ให้บุตร์ ค.ถูกฟ้องหรือต้องโทษแลเรียกเอาเงิน ๑๓๐๐ บาท ค.ได้ให้เงินไปแล้ว ๒๔๐ บาท ป.แบ่งให้ อ.ไป ๑๐๐ บาท ดังนี้
ศาลเดิมตัดสินว่า ป.มีผิดตาม ม.๑๓๘ ตอน ๒ ให้จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน กับให้ริบเงิน ๑๔๐ บาท อ.มีผิดตาม ม.๑๒๓ แลให้ส่งเงิน ๑๐๐ บาทมาริบ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องในหน้าที่อัยยการ เปนแต่จำเลยทำลับ ๆ ล่อ ๆ ในเวลาพิจารณาคดี ต้องมีผิดฐานฉ้อโกงตาม ม.๓๐๔ แต่เจ้าทุกข์มาร้องทุกข์เกิน ๓ เดือน จึงให้ยกฟ้องโจทก์เสีย
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์สืบได้ว่า ป.มีหน้าที่เปนพนักงานอัยยการผู้หนึ่ง ต้องมีผิดฐานรับสินบนตาม ม.๑๓๘ แต่ไม่ได้ความว่า ป.ได้กระทำหรือละเว้นไม่กระทำการตามหน้าที่เพราะเห็นแก่สินบนนั้น จึงให้ลดโทษกึ่งหนึ่งจากที่ศาลเดิมวางมา คงจำคุก ป.๙ เดือน ส่วน อ.ไม่มีหน้าที่ราชการอย่างไร่เปนแต่ชักจูง ค.นำสินบนไปให้ ป. แล อ.ไม่ได้แสดงตนเปนคนสนิดชิดชอบกับเจ้าพนักงาน อ.ยังไม่มีผิด ให้ปล่อยตัวไป