โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามเป็นข้าราชการและเป็นเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งได้สมคบกันเปิดหีบบัตรเลือกตั้งแล้วแก้คะแนนเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งคนหนึ่ง ในเอกสารให้สูงขึ้นจากความเป็นจริง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๑, ๒๖๔, ๒๖๕, ๘๓, ๙๐, ๙๑ พระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๒๘, ๕๘, ๕๙,๖๘ กับขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยด้วย
จำเลยที่ ๑-๒ ปฏิเสธ
จำเลยที่ ๓ ปฏิเสธว่าไม่ได้สมคบกับจำเลยอื่น แต่รับว่าได้แก้ตัวเลขในเอกสารตามฟ้องจริงโดยถูกจำเลยที่ ๑ - ๒ ใช้อำนาจบังคับ ไม่มีเจตนาทุจริต
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยทั้งสามผิดตามฟ้อง แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ - ๒ คนละ ๑ ปี ๖ เดือน จำเลยที่ ๓ กำหนด ๑ ปี ลด ๑ ใน ๓ เหลือ ๘ เดือน คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ ๑ - ๒ อุทธรณ์ว่า ไม่ได้สมคบกันกระทำผิด
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์ว่า ได้ทำไปเนื่องจากถูกจำเลยที่ ๑ - ๒ ใช้ปืนบังคับ ไม่มีเจตนาทุจริต
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ ๑ - ๒ ทำผิดจริงดังฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๓ ได้กระทำไปด้วยความจำเป็นเพราะอยู่ในบังคับภายใต้อำนาจปืนของจำเลยที่ ๑ - ๒ ซึ่งไม่อาจหลีกเหลี่ยงได้ อันตนมิได้ก่อขึ้นและเป็นการกระทำอันพอสมควรแก่เหตุจำเลยที่ ๓ ไม่ควรได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๗ พิพากษาและให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๓ นอกนี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๓ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ ๓ แก้คะแนนเนื่องจากการถูกบีบบังคับด้วยอำนาจปืน ของจำเลยที่ ๑ เห็นว่าจำเลยที่ ๓ ได้กระทำลงเพื่อให้พ้นจากภยันตรายและเป็นการกระทำด้วยความจำเป็นพอสมควรแก่เหตุ ควรได้รับการยกเว้นโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๗
ศาลฎีกาพิพากษายืน