จำเลยทำสัญญารับประกัน ต.นักเรียนครูมูลในบำรุงของกระทรวงธรรมการ ต.เรียนสำเร็จแล้วออกมารับราชการเปนครูไม่ถึง ๓ ปีตามข้อบังคับก็หนีไปนอกพระราชอาณาจักร์เสีย โจทก์จึงขอให้จำเลยใช้เงินทุนค่าเล่าเรียน ๑๗๑ บาท ๑๖ สตางค์
ศาลเดิมตัดสินว่า ใบสมัคแลใบรับรองไม่ปรากฎ ต.เปนนักเรียนประเภทในบำรุงหรือนอกบำรุง ฉะนั้นตามประมวลแพ่ง ม.๑๐ ควรตีความให้เปนคุณแก่จำเลยว่า ต.เปนนักเรียนนอกบำรุง จำเลยเปนผู้รับรองความประพฤติของ ต. แต่ในเวลาเรียนเท่านั้น จึงให้ยกฟ้องโจทก์เสีย
ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าใบรับรองมีความปรากฎว่าสิ่งใดที่ ต.ทำผิดมีหนี้แล้ว จำเลยจะต้องรับผิดแทน แลมี อ.เบิกความเปนพะยานว่า ต.เปนนักเรียนประเภทในบำรุงดังนี้ จำเลยต้องรับผิดใช้เงินให้แก่โจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้เปนปัญหาในลักษณค้ำประกัน ตามสัญญาหรือใบรับรองที่ระบุไว้มีข้อความบ่งชัดถึง แต่เวลาที่เปนนักเรียนเท่านั้นส่วนระเบียบการของกระทรวงธรรมการที่ว่า ต.จะต้องเปนครู ๓ ปีนั้น จำเลยก็ว่ามิได้รู้เห็นด้วย แลคำรับรองของจำเลยก็ไม่มีกล่าวถึงเลยส่วนข้อความในตอนท้ายใบรับรองที่ว่า "สิ่งใดที่นายตันนนหะโคตร์ต้องรับผิด.....ข้าพเจ้ายอมรับผิดชอบทุกประการ" นั้นเปนถ้อยคำกว้างๆ จึงต้องจำกัดความเข้าใจให้ผู้ค้ำประกันรับผิดเพียงในกรณีที่ระบุไว้ในตอนต้นเท่านั้น เช่นถ้อยคำที่ว่าสิ่งใดที่นายตันต้องรับผิด จำเลยยอมรับผิดแทนนั้น ต้องหมายความว่าจำเลยยอมรับผิดแทนนายตันเพียงเหตุการณ์ระวางเปนนักเรียนเท่านั้นไม่กินความถึงเหตุการณ์ภายหลังที่นายตันเรียนเสร็จแล้วด้วย จึงตัดสินกลับศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลเดิม