โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปลูกสร้างอาคารเป็นสะพานทางเดินและทำเป็นศาลาท่าน้ำล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ ของทะเลสาบสงขลา อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยทำเป็นร้านอาหารชื่อร้านชมจันทร์ คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 143.32 ตารางเมตร ทั้งนี้ โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่าขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 117, 118 พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2535 มาตรา 23 และ 25 และให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทะเลสาบสงขลา
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 117 วรรคหนึ่ง, 118 ปรับ 214,980 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ107,490 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30แต่ (หากไม่ชำระค่าปรับ ให้กักขังแทนค่าปรับ) ไม่เกินกำหนด 2 ปี ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทะเลสาบสงขลาด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่าควรลดโทษปรับให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยปลูกสร้างอาคารเป็นสะพานทางเดินและทำเป็นศาลาท่าน้ำล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ ของทะเลสาบสงขลาเป็นเนื้อที่143.32 ตารางเมตร ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยพ.ศ. 2456 มาตรา 117 และต้องระวางโทษตามมาตรา 118 ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 117 ต้องระวางปรับโดยคำนวณตามพื้นที่ของอาคารหรือสิ่งอื่นใดในอัตราไม่น้อยกว่าตารางเมตรละห้าร้อยบาท แต่ไม่เกินตารางเมตรละหนึ่งหมื่นบาท"ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษปรับ 214,980 บาท และเมื่อลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงปรับ 107,490 บาท เป็นการปรับโดยคำนวณตามพื้นที่เพียงตารางเมตรละ 1,500 บาท จึงนับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เป็นคำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์เพราะโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า เจ้าท่าได้มีคำสั่งเป็นหนังสือให้จำเลยดำเนินการรื้อถอนหรือแก้ไขสิ่งปลูกสร้างให้ถูกต้องแต่จำเลยฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวตามมาตรา 118 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 แม้จำเลยให้การสารภาพก็ไม่อาจลงโทษปรับและมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปตามฟ้องได้ นั้น พิเคราะห์แล้ว พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 118 ทวิ ที่แก้ไขแล้วเป็นการกำหนดวิธีการรื้อถอนหรือแก้ไขอาคารหรือสิ่งอื่นใดที่ปลูกสร้างขึ้นโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าท่าเท่านั้น ไม่ใช่บทบัญญัติซึ่งเป็นองค์ประกอบของความผิดตามฟ้อง ดังนั้น แม้ฟ้องของโจทก์จะมิได้บรรยายว่าเจ้าท่ามีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนหรือแก้ไขสิ่งปลูกสร้างแล้ว แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยและสั่งให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทะเลสาบสงขลาได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน