ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ เปนลูกหนี้ อ. จำเลยที่ ๒-๓-๔ เปรผู้ค้ำประกัน  อ.โอนหนี้รายนี้ให้แก่โจทก์  อ.ได้มีหนังสือบอกกล่าวการโอนหนี้รายนี้ไปให้จำเลยที่ ๑ ทราบเท่านั้น  แต่หาได้มีหนังสือบอกกล่าวให้ผู้ค้ำประกันทราบไม่  บัดนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย
ศาลล่างทั้ง  ๒ ตัดสินว่า   ข้อที่ อ.ไม่ได้บอกกล่าวการโอนหนี้ให้นายประกันทราบนั้นไม่สำคัญ  เพราะได้บอกแก่ตัวลูกหนี้แล้ว  จึงให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินโจทก์  ถ้าไม่ใช้ให้จำเลยที่ ๒-๓-๔ ใช้แทน
จำเลยที่ ๒-๓ ฎีกาว่า (๑)  ต้องฟังว่าโจทก์ผ่อนเวลาให้ลูกหนี้  (๒) การโอนหนี้ต้องบอกผู้ค้ำประกันด้วย
ศาลฎีกาตัดสินแก้ศาลล่างทั้ง  ๒ ว่า  ตามฎีกาข้อ ๑ จำเลยหาได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การไม่  เปนแต่กล่าวในคำแถลงการณ์เมื่อพิจารณาเสร็จสำนวนแล้ว  ไม่มีประเด็นที่ได้สืบข้อเท็จจริงกันมา  จึงฟังไม่ขึ้น  ส่วนฎีกาข้อ ๒ นั้น  เห็นว่าเจ้าหนี้ต้องบอกการโอนหนี้ให้ผู้ค้ำประกันทราบเปนหนังสือด้วย  การโอนจึงจะสมบูรณ์  เพราะคำว่าลูกหนี้ตาม  ม.๓๐๖ หมายความถึงลูกหนี้ทั่วไปตามกฎหมาย  ผู้ค้ำประกันกฎหมายถือว่าเปนลูกหนี้ด้วย จึงให้ยกการบังคับให้จำเลยที่ ๒-๓ รับผิดชอบต่อโจทก์เสีย