เดิมศาลแพ่งมีคำสั่งให้ห้างหุ้นส่วนซึ่งจำเลยเป็นผู้จัดการล้มละลาย จำเลยได้สมคบกับพวกพาเอาทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนไปซุกซ่อนไว้ ผู้แทนเจ้าหนี้ตามไปพบแลยึดได้ จำเลยกลับสมคบกันเพทุบายร้องขัดทรัพย์เข้ามาในคดีล้มละลาย อ้างว่าเป็นทรัพย์ของตนได้ซื้อไว้โดยสุจจริต
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ ๘ เดือนตามมาตรา ๓๐๘
จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามมาตรา ๘๐ เพราะเจ้าทุกข์รู้ตัวผู้กระทำผิดแล้วเพิ่มมาฟ้องร้องเมื่อล่วงมา ๓ ปีเศษแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีนี้ศาลล่างฟังมาว่าในวันที่เจ้าทุกข์ทราบการกระทำผิดของจำเลยได้ไปร้องทุกข์แลทางการตำรวจได้ไต่สวนเป็นคดีไว้แล้ว แต่ที่งดการฟ้องไว้ก็เพราะจำเลยยังร้องขัดทรัพย์อยู่ว่าเป็นทรัพย์ของตน กว่าคดีจะเสร็จก็กินเวลา ๓ ปีเศษรูปคดีจึงเป็นอันว่าเจ้าทุกข์ได้ร้องทุกข์ภายใน ๓ เดือนแล้ว ส่วนคดีจะขาดอายุความหรือไม่จึงต้องถือมาตรา ๗๘ เป็นหลักซึ่งคดีนี้มีกำหนดอายุความ ๕ ปี คดีโจทก์จึงหาขาดอายุความไม่
ส่วนที่จำเลยฎีกาในข้อสมคบก็ดี ในข้อสุจริตหรือทุจจริตก็ดี เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งฎีกาไม่ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง