โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามฟ้อง
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ทำหนังสือสัญญากู้และรับเงินไปจากโจทก์ตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณา สืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลย ทนายจำเลยมาศาลแล้ว จะว่าจำเลยขาดนัดไม่มาศาลไม่ได้ แม้ทนายจำเลยจะขอถอนตัวจากการเป็นทนายของจำเลย จำเลยยังไม่ทราบศาลจะอนุญาตให้ถอนยังไม่ได้ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนการพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยใหม่ตามรูปคดี แล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์จำเลยในวันเดียวกัน ถึงวันนัดทนายจำเลยมาศาล และยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแจ้งให้จำเลยทราย แต่จำเลยไม่มาศาลในวันนัด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว เช่นนี้ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ทนายจำเลยยื่นคำขอถอนตน จากการที่ได้รับแต่งตั้งเป็นทนายจำเลย ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตตามที่ขอได้ต่อเมื่อเป็นที่พอใจว่า ตัวความได้ทราบคำขอนั้นแล้ว หรือหาตัวไม่พบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๖๕ แต่ในวันนับ สืบพยานนั้นตัวจำเลยไม่มาศาล และไม่ปรากฏว่าตัวจำเลยได้ทราบคำขอของทนายความแล้ว และในวันนัดสืบพยานนั้นทนายจำเลยก็ได้มาศาลแล้ว ทนายจำเลยมีฐานะเป็นคู่ความตามมาตรา ๑(๑๑) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ทนายจำเลยถอนตนจากการแต่งตั้งทนาย โดยที่จำเลยยังไม่ทราบคำขอของทนาย และคำสั่งศาล และถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาคดีไปนั้น จึงไม่ถูกต้องด้วยกระบวนพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลย และพิพากษาใหม่นั้นชอบแล้ว