โจทฟ้องว่าจำเลยสมคบกันพยายามพาของที่ยังไม่ได้ผ่านสุลกากรไห้ถูกต้องออกนอกราชอาณาจักร์ไทย แต่หากตำหรวดจับได้ไนขนะจำเลยบันทุกเรือพาไป จับได้พร้อมด้วยของกลาง ขอให้ลงโทส
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วพิพากสาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.สุลกากร ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ และฉบับที่ ๙ มาตรา ๖ ส่วนของกลางเห็นว่าเปนของไม่ต้องริบตามกดหมายอาญามาตรา ๒๗,๒๘ และพ.ร.บ.สุลกากร๒๔๖๙ มาตรา ๓๔.
โจทอุธรณ์ ศาลอุธรณ์พิพากสาแก้ไห้ริบของกลางตามมาตรา ๑๗ แห่ง พ.ร.บ.สุลกากร ๒๔๘๒ ฉบับที่ ๙
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่า ตามบทมาตรา ๑๗ พ.ร.บ.สุลกากร (ฉบับที่ ๙) พ.ส.๒๔๘๒ บังคับไห้ริบของชนิดนี้ เมื่อมีกดหมายพิเสสเช่นนี้ สาลก็ต้องนำมาบังคับตามกดหมายลักสนะอาญามาตรา ๑๑ กรนีจึงไม่หยู่ไนบังคับมาตรา ๒๗,๒๘ กดหมายลักสนะอาญา พิพากสายืนตามสาลอุธรณ์