คดีได้ความว่าจำเลยในคดีนี้ได้นำเอาสิ่งของออกตั้งวางขายนอกร้านล้ำเข้าไปในทางเท่าซึ่งอยู่ในความกำกับตรวจตราขอเจ้าหน้าที่ ปรากฎว่าทางเท้านี้ไม่มีทางรถเดินกลาง เจ้าพนักงานได้สั่งให้จำเลยยกเก็บไปเสีย ซึ่งจำเลยมิได้ทำตามจึงถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีนี้ ปรากฎว่าก่อนเรื่องนี้จำเลยถูกล่าวหาด้วยข้อหาอย่างเดียวกันนี้คดีอยู่ในระวางอุทธรณ์ และจำเลยคัดค้านว่าโจทก์จะนำคดีนี้มาฟ้องร้องมิได้
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ว่าพฤตติการณ์ของจำเลยนั้นย่อมตกเป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๔๗๗ ม.๖๕ ส่วนข้อฎีกาของจำเลยที่ว่าที่อื่นเขาทำได้ จำเลยจึงยังไม่ควรมีผิดนั้นเห็นว่าแบบอย่างที่จำเลยกล่าวอ้างเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานธุระการจะใช้ความผ่อนผันแคบกว้างเพียงไร แต่เมื่อจำเลยทำผิดกฎหมายก็ไม่เป็นเหตุผลลบล้างความผิดของตนได้ ข้อตัดฟ้องของจำเลยนั้นเห็นว่าในคดีก่อนจำเลยทำผิดในวันที่ ๑๘ คดีนี้ทำในวันที่ ๑๑ จึงไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่ฟ้องอีกจึงพิพากษายืนตามศาลล่างให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ม.๖๑-๖๒-๖๕ ปรับ ๔ บาทลดกึ่งหนึ่งเหลือ ๒ บาท