โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 295, 364, 365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 364, 365 (1) (2) (3), 83 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91 ฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย จำคุก 4 เดือน ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่น 2 กระทง จำคุกกระทงละ 8 เดือน รวมทุกกระทงจำคุก 1 ปี 8 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบมาตรา 83 จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 16 เดือน จำเลยไม่มีความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 364 และมาตรา 83 ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานนี้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยไม่ได้โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง จำเลยกับนายธวัชหรือหนุ่ย น้องจำเลย และนายวาทีหรือเต็ง จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2736/2543 ของศาลชั้นต้น เข้าไปหานางสาวกนกวรรณ โดยรออยู่บริเวณหน้าห้องพักของผู้เสียหายที่ 1 เมื่อนางสาวกนกวรรณออกมาจากห้องน้ำนายธวัชจะเข้าไปลวนลาม แต่ผู้เสียหายที่ 1 ขัดขวาง จำเลยกับพวกจึงร่วมกันทำร้ายร่างกายนายมานพผู้เสียหายที่ 1 และนายดิลก ผู้เสียหายที่ 2 เห็นเหตุการณ์จึงวิ่งเข้ามาห้ามแต่ก็ถูกจำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 2 เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองได้รับอันตรายแก่กาย เหตุเกิดที่บริเวณหน้าห้องพักที่ทางปั้มน้ำมันซัสโก้จัดให้เป็นที่พักของผู้เสียหายที่ 1
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืนหรือไม่ เมื่อพิจารณาแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุประกอบภาพแสดงสถานที่เกิดเหตุแล้ว จะเห็นว่า ที่เกิดเหตุซึ่งบริเวณหน้าห้องพักของผู้เสียหายที่ 1 มีการกั้นผนังด้วยอิฐบล็อกและมีช่องประตูทางเข้ากั้นไว้เป็นสัดส่วน บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ใช้สอยของผู้เสียหายที่ 1 บุคคลอื่นไม่สามารถจะเข้าไปใช้สอยได้ ที่เกิดเหตุถือได้ว่าเป็นเคหสถานของผู้เสียหายที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (4) การที่จำเลยกับพวกเข้าไปรุมชกต่อย เตะผู้เสียหายทั้งสองที่บริเวณหน้าห้องพักของผู้เสียหายที่ 1 ถือว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควร การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (2) (3) ประกอบมาตรา 364 อีกกระทงหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายกฟ้องโจทก์ในคดีความผิดฐานดังกล่าวมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (2) (3) ประกอบมาตรา 364 อีกกระทงหนึ่ง ให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 แล้วเป็นจำคุก 20 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6