คดีนี้โจทก์ฟ้องด้วยวาจา ศาลแขวงพระนครใต้บันทึกคำฟ้องไว้ว่าจำเลยบังอาจปลอมลายมือชื่อนางจินตนา เทเลอร์ ลงในเอกสารคำร้องยื่นต่อผู้กำกับการ 1 กองตำรวจสันติบาลเพื่อเร่งรัดให้เจ้าพนักงานตำรวจสันติบาลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือของนางจินตนา เทเลอร์ ซึ่งจะติดตามสามีเดินทางไปอเมริกา ซึ่งความจริงแล้วนางจินตนามิได้มอบหมายให้จำเลยกระทำการดังกล่าว การกระทำของจำเลยโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นางจินตนาและบุคคลอื่น ผู้รู้เห็น กับร้อยตำรวจโทนาวี รัตนาวา เจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่รับคำร้องและหลักฐานต่าง ๆ จากนางจินตนา โดยร้อยตำรวจโทนาวีหลงเชื่อว่าเป็นคำร้องของนางจินตนา ที่แท้จริง และเป็นเหตุให้ผู้บังคับบัญชาของร้อยตำรวจโทนาวีเข้าใจผิดคิดว่าร้อยตำรวจโทนาวีปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า ไม่ให้ความสะดวกแก่ประชาชนผู้มาติดต่อหรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268
จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา
ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาว่า โจทก์อ้างว่าอาจจะเกิดความเสียหายแก่นางจินตนาและผู้อื่นที่รู้เห็น แต่มิได้บรรยายว่าจะเกิดความเสียหายอย่างใด จึงไม่อาจจะพิเคราะห์ได้ ส่วนที่อ้างว่าเป็นเหตุให้ผู้บังคับบัญชาร้อยตำรวจโทนาวีเข้าใจผิดคิดว่าร้อยตำรวจโทนาวีปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าไม่ให้ความสะดวกและไม่สุจริตนั้น ตามคำร้องไม่ได้กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ผู้ใดทำล่าช้าหรือไม่สุจริตเลยจึงไม่มีช่องทางที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนแต่เป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นเรื่องผู้บังคับบัญชาร้อยตำรวจโทนาวีเข้าใจผิดเอง การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาเห็นว่า ความผิดฐานทำเอกสารปลอม หรือใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268 นั้น เรื่องที่ว่าน่าจะเกิดความเสียหายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องประกอบเอกสารที่โจทก์ส่งศาลว่า การกระทำของจำเลยไม่อาจทำให้ร้อยตำรวจโทนาวีเสียหาย โจทก์จะอุทธรณ์ว่าร้อยตำรวจโทนาวีเสียหายไม่ได้ ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ที่แก้ไข แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนี้ได้เพราะมิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ส่วนประเด็นที่ว่า นางจินตนาได้รับความเสียหายหรือไม่นั้นศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์อ้างว่าอาจจะเกิดความเสียหายแก่นางจินตนา แต่มิได้บรรยายว่าจะเกิดเสียหายอย่างใด จึงไม่อาจจะพิเคราะห์ได้ อันเป็นการยกฟ้องโจทก์ในข้อกฎหมาย และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ายังไม่อาจเกิดความเสียหายแก่นางจินตนาซึ่งเป็นการยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า การกระทำของจำเลยเป็นการเสียหายแก่นางจินตนาได้
เฉพาะปัญหาเรื่องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจะเกิดความเสียหายแก่นางจินตนาอย่างใดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ที่ศาลบันทึกไว้นั้นเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ส่วนนางจินตนาจะเสียหายหรือน่าจะเสียหายหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเมื่อพิเคราะห์เอกสารที่จำเลยปลอมลายมือชื่อนางจินตนาแล้ว เห็นว่าไม่น่าจะเกิดความเสียหายอะไรกับนางจินตนา แม้จำเลยให้การรับสารภาพ แต่ถ้าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลก็ยกฟ้องโจทก์ได้
พิพากษายืน