โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ. 2502 มาตรา 4 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)(11) ลดโทษตามมาตรา 78จำคุกจำเลยที่ 1 4 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ 5 ปี 3 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ 4 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ปัญหาต่อไปมีว่า จะลงโทษจำเลยที่ 1ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 4, 11 ตามฎีกาของโจทก์ร่วมได้หรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานลักทรัพย์ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรักษาและรับผิดชอบของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลย แต่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วนงานของรัฐ มาตรา 4 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษ" ตามข้อเท็จจริงในคดี จำเลยที่ 1 เป็นเพียงคนขับรถบรรทุกเมล็ดกาแฟ ไม่มีหน้าที่รักษาทรัพย์ เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ตรวจนับกระสอบที่บรรจุเมล็ดกาแฟในรถบรรทุกทั้ง 5 คัน แล้วใช้ลวดมัดประตูตู้ทึบประทับตรา เมื่อรถออกเดินทางมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรควบคุมไปด้วย เพราะเป็นสินค้าผ่านแดน ถือว่าสินค้าเหล่านี้อยู่ในความดูแลรักษาของเจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ของโจทก์ร่วมผู้ควบคุมรถ หาใช่จำเลยที่ 1 ไม่อนึ่งความผิดตามมาตรา 4 เป็นเรื่องเบียดบังทรัพย์ หาใช่เรื่องลักทรัพย์ไม่ โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เบียดบังทรัพย์ หรือยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริต โจทก์ร่วมจะขอให้ศาลลงโทษจำเลยที่ 1 นอกฟ้องไม่ได้"
พิพากษายืน