โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจพาอาวุธมีดปลายแหลม 1 เล่มไปในบริเวณย่านสถานีรถไฟธนบุรีอันเป็นทางสาธารณะ หมู่บ้าน และเมือง โดยไม่มีเหตุสมควร และจำเลยใช้อาวุธมีดดังกล่าวแทงทำร้ายนายคนองหรือคะนอง หลงผดุงถูกที่บริเวณหน้าอกเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส โดยจำเลยมีเจตนาฆ่าจำเลยทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะแพทย์รักษาไว้ได้ทันท่วงที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 371, 91 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2
จำเลยให้การว่าไม่ได้กระทำความผิด จำเลยถูกผู้เสียหายชิงทรัพย์ จึงต่อสู้ขณะถูกแย่งชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 91 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน2514 ข้อ 2 ให้จำคุก 10 ปีและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ให้ปรับ 100 บาท รวมลงโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 100 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามมาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ยังรับฟังไม่ได้ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายรับอันตรายสาหัสพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 371 คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามมาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ปรับ 60 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยแทงผู้เสียหายขณะผู้เสียหายยืนอยู่ต่อหน้าจำเลยโดยผู้เสียหายหาได้ทำร้ายและชิงทรัพย์จำเลยแต่อย่างใดไม่ มีดปลายแหลมที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายนั้น มีความยาวทั้งด้ามและใบมีด 10 นิ้ว เฉพาะใบมีดยาว 6 นิ้ว และจำเลยแทงผู้เสียหายด้วยมีดดังกล่าวขณะอยู่ประจันหน้ากันถูกที่หน้าอก บาดแผลกว้าง 1.7 เซนติเมตร ทะลุปอด กะบังลม ตับ และถูกเยื่อหุ้มกระเพาะด้านนอกซึ่งล้วนแต่เป็นอวัยวะส่วนสำคัญ มีเลือดออกในช่องปอดและช่องท้องเป็นจำนวนมาก แพทย์ผู้ตรวจและรักษาเบิกความว่า ผู้เสียหายถูกแทงโดยแรง ได้รักษาโดยการผ่าตัดและถ้าไม่ผ่าตัดทันท่วงทีผู้เสียหายอาจตายได้ ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า มิใช่เพียงเจตนาทำร้าย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น