คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้จำนองที่ดินเป็นเงิน 5,788,692 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยทำการไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 10221 เป็นเงิน 5,770,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยหากไม่ไถ่ถอน ให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องว่า การส่งคำคู่ความให้แก่จำเลยกระทำโดยไม่ชอบ เพราะโจทก์ระบุภูมิลำเนาของจำเลยไม่ถูกต้อง จำเลยจึงไม่ทราบว่าถูกฟ้องจำเลยมิได้มีเจตนาขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา และจำเลยมีหลักฐานเอกสารที่หักล้างข้อกล่าวอ้างของฝ่ายโจทก์ได้ อันจะทำให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีตามข้อเท็จจริงในทางเป็นคุณแก่จำเลยในที่สุดและเหตุที่ยื่นคำร้องล่าช้าเนื่องจากจำเลยไม่เคยทราบถึงการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีจนเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2539จำเลยได้ไปตรวจดูที่ดินของจำเลยพบประกาศยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีและเมื่อได้ตรวจสอบสำนวนจากศาลจึงทราบถึงการฟ้องและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นขอให้พิจารณาคดีใหม่และงดการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยมิได้บรรยายให้เห็นถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลที่ให้ตนแพ้คดี จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ในส่วนข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น จำเลยก็ได้บรรยายไว้อย่างชัดแจ้งว่าศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้โดยฟังข้อเท็จจริงจากพยานเอกสารและพยานบุคคลของฝ่ายโจทก์แต่เพียงฝ่ายเดียวโดยจำเลยไม่ได้นำพยานหลักฐานฝ่ายตนมาโต้แย้งโดยจำเลยมีหลักฐานเอกสารที่จะหักล้างข้อกล่าวอ้างตามฟ้องและข้อนำสืบของฝ่ายโจทก์และจะเป็นเหตุให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีตามข้อเท็จจริงในทางเป็นคุณแก่จำเลยในที่สุดนั้น เห็นว่า คำร้องของจำเลยมิได้อ้างเหตุให้ชัดแจ้งว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องอย่างไร และหากมีการพิจารณาใหม่จำเลยจะชนะคดีได้อย่างไรแม้จะกล่าวมาด้วยว่าจำเลยมีหลักฐานเอกสารที่จะหักล้างขอกล่าวอ้างของโจทก์ก็เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ หาได้คัดค้านในเนื้อหาแห่งคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง
พิพากษายืน