คดีนี้ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเช่าตึกแถวของกรมพระคลังข้างที่ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันตามข้อสัญญา มีว่าให้นับว่าเช่าตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๘ จนถึงวันต่อสัญญาใหม่ หนังสือสัญญาลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๘ ส่วนต่อจากนี้ไปไม่มีกำหนดเวลากันไว้ จำเลยค้างชำระค่าเช่าตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๓ จนถึง พ.ศ.๒๔๗๗ โจทก์ซึ่งเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดจึงฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างโดยอาศัยใบมอบอำนาจซึ่งอธิบดีกรมพระคลังข้างที่ได้ทำมอบอำนาจให้ไว้แก่สมุหเทศาภิบาลผู้สำเร็จราชการมณฑลฟ้องร้องผู้ขัดขวางหรือเบียดเบียนผลประโยชน์ของกรมพระคลังข้างที่
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเช่าที่ค้างตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๓ เป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากห้องเช่า
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าใบมอบอำนาจที่ให้สมุหเทศาภิบาลฟ้องร้องนั้น บัดนี้ทางราชการได้ยุบตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลเสียแล้วหน้าที่ทั้งหลายจึงตกอยู่แก่ข้าหลวงประจำจังหวัดตาม พรบระเบียบราชการบริหาร พ.ศ.๒๔๗๖ ม.๒๐ ตอน ๒ แลเห็นว่าหาใช่ใบมอบอำนาจแก่บุคคลใดไม่ เมื่อหน้าที่อันนี้มิได้เปลี่ยนแปลงหรือถอนคืนไปข้าหลวงประจำจังหวัดจึงถือเอาใบมอบอำนาจนั้นฟ้องคดีได้ แลเห็นว่าสัญญาเช่ารายนี้ไม่มีกำหนดเวลาบังคับกันไว้ จะฟังว่าเป็นสัญญาเช่าอันกำหนดกว่า ๓ ปีไม่ได้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์