โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 32, 33, 91, 288, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 72
ริบอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์
แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) บรรจุ
4 นัด ขนาด 12 และปลอกกระสุนปืนลูกซอง
ขนาด 12 จำนวน 2 ปลอก ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
และข้อหายิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน
ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก 15 ปี ฐานมีอาวุธปืนที่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
จำคุก 1 ปี ฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ
ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ปรับ 2,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนที่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง
หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ
ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานมีอาวุธปืนที่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
คงจำคุก 6
เดือน ฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ
ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน คงปรับ 1,000 บาท รวมจำคุก 15 ปี 6 เดือน และปรับ 1,000 บาท
ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง
คืนอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยวของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า
จำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี
เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลดโทษให้แล้ว
เป็นจำคุก 10 ปี 6 เดือน และปรับ 1,000 บาท
ริบอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS)
แบบสไลด์ แอ็คชั่น (SLIDE
ACTION) ของกลาง
นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยกับนางสาวเสาวนีย์ ผู้ตาย
ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยทะเลาะกัน ผู้ตายใช้ไม้จับยุงไฟฟ้าตีจำเลยได้รับบาดเจ็บกระดูกนิ้วนางมือขวาแตก
จำเลยโมโหจึงนำอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์
แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) บรรจุ
4 นัด ขนาด 12 ของกลาง
ออกไปยิงขึ้นฟ้าบริเวณข้างบ้าน 1 นัด
และนำอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS)
ขนาด 12 ของกลาง
มาถือขู่ผู้ตาย แล้วกระสุนปืนลั่นถูกผู้ตายที่ศีรษะด้านขวา
เป็นบาดแผลฉีกขาดที่หนังศีรษะจนกะโหลกศีรษะแตกและเยื่อหุ้มสมองฉีกขาดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ในวันเกิดเหตุ ร้อยตำรวจเอกประสิทธิ์ พนักงานสอบสวนไปตรวจที่เกิดเหตุ พบศพผู้ตายบริเวณแคร่ไม้หน้าห้องนอนชั้นล่าง
พบอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS)
ขนาด 12 มีปลอกกระสุนปืนในลำกล้อง 1 ปลอก และกระสุนปืนลูกซอง
ขนาด 12
จำนวน 1 นัด
ในบ้านที่เกิดเหตุ และพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 1 ปลอก ข้างบ้านที่เกิดเหตุ
จึงยึดไว้เป็นของกลาง วันรุ่งขึ้นจำเลยมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและนำไปตรวจยึดอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว
(NTS) แบบสไลด์ แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) บรรจุ 4 นัด ขนาด 12 และกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 3 นัด เป็นของกลาง
คดียุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยกระทำความผิดฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ
ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน เนื่องจากไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ในความผิดดังกล่าวและยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค
1 ว่า
จำเลยกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเนื่องจากไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาในความผิดดังกล่าว
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า
จำเลยใช้อาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS)
ขนาด 12 ยิงผู้ตายด้วยเจตนาฆ่า
ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1
พิพากษาหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ในขณะผู้ตายถูกจำเลยใช้อาวุธปืนยิง คำเบิกความของนายสุนทร
นายเลิศสินและนางสมบุญก็เป็นพยานแวดล้อมใกล้ชิดเหตุการณ์หลังเกิดเหตุที่ยืนยันได้เพียงว่าจำเลยมีส่วนทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเท่านั้น แม้โจทก์มีคำให้การของนายพิษณุ
พยานแวดล้อมในขณะเกิดเหตุมาสนับสนุนคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าว
โดยนายพิษณุเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทำให้ไม่อาจมาเบิกความเป็นพยาน
อันเป็นเหตุจำเป็นให้ศาลรับฟังคำให้การของนายพิษณุซึ่งเป็นพยานบอกเล่าได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 226/3
วรรคสอง (2) แต่นายพิษณุให้การเพียงว่า
บ้านของนายพิษณุอยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ
30 เมตร
วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 23
นาฬิกา นายพิษณุได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด
จากทางบ้านที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นได้ยินเสียงผู้ตายบ่นว่า
อะไรกันนักหนาจะยิงอะไรกันนักหนา สักพักนายพิษณุได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก
1 นัด
จากนั้นนายพิษณุเห็นจำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเดินกระวนกระวายอยู่บนถนน พูดบ่นว่า “ทำไมชีวิตกูต้องมาเจอแบบนี้” ต่อมานายสุนทรขับรถจักรยานยนต์มาถึง
จำเลยพูดกับนายสุนทรว่า “โทรแจ้งหมวดยูรให้หน่อย
ผมฆ่าเมียตาย” เมื่อนายพิษณุไปบ้านที่เกิดเหตุเห็นผู้ตายถูกกระสุนปืนที่ศีรษะเสียชีวิต
โดยนายพิษณุเคยเห็นจำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อย แต่ไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย
คำให้การของนายพิษณุจึงไม่สามารถยืนยันเหตุการณ์ขณะจำเลยยิงผู้ตายได้เช่นเดียวกัน
โจทก์คงมีพยานสำคัญ คือ คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเท่านั้นที่สามารถยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
โดยจำเลยให้การในรายละเอียดว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายทะเลาะกัน ผู้ตายใช้ไม้จับยุงไฟฟ้าตีจำเลยได้รับบาดเจ็บกระดูกนิ้วนางมือขวาแตก
จำเลยโมโหจึงนำอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์ แอ็คชั่น (SLIDE
ACTION) บรรจุ 4 นัด ขนาด 12 ของกลาง
ออกไปยิงขึ้นฟ้าบริเวณข้างบ้าน 1 นัด ผู้ตายบ่นจำเลยว่ายิงขึ้นฟ้าทำไมยิงกูเลย
จำเลยพูดประชดไปว่า “อยากให้เป็นเช่นนั้นใช่ไหม หากกูยิงมึง มึงก็ตาย
กูก็ติดคุก ลูกจะอยู่กับใคร” แต่ผู้ตายก็ยังไม่ยอมหยุดบ่น
ด้วยความรำคาญ จำเลยจึงนำอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว
(STEVENS) ขนาด 12 ของกลาง มาถือขู่ผู้ตายให้หยุดบ่น แต่ผู้ตายไม่ยอมหยุดและพูดท้าทายว่ายิงกูเลยยิงที่หัว
แล้วผู้ตายดึงปากกระบอกปืนไปจ่อที่ศีรษะของผู้ตาย จำเลยดึงปืนออกจากศีรษะ แต่กระสุนปืนลั่นถูกผู้ตายที่ศีรษะด้านขวา
คำให้การดังกล่าวนอกจากจะสอดคล้องกับสภาพบ้านที่เกิดเหตุซึ่งพบร่องรอยการต่อสู้และไม้จับยุงไฟฟ้าที่แตกหักวางอยู่ในห้องนอนแล้ว
ผู้ชำนาญการยังตรวจพบธาตุ Antimony
และ Barium ที่มือของผู้ตายในปริมาณที่เชื่อว่าผู้ตายเกี่ยวข้องกับการยิงปืนด้วย
จึงเชื่อได้ว่าจำเลยนำอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS) ขนาด 12 ของกลาง มาถือขู่ผู้ตาย แล้วผู้ตายดึงปากกระบอกปืนไปจ่อที่ศีรษะของตนเอง
จำเลยดึงปืนออกเป็นเหตุให้กระสุนปืนลั่นถูกผู้ตายที่ศีรษะด้านขวาจนถึงแก่ความตาย
ดังที่จำเลยให้การจริง ส่วนเหตุที่จำเลยกับผู้ตายทะเลาะกันถึงขั้นผู้ตายใช้ไม้จับยุงไฟฟ้าตีจำเลยได้รับบาดเจ็บกระดูกนิ้วนางมือขวาแตกนั้น
จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภริยากันมาเป็นเวลากว่า 30 ปี มีเหตุทะเลาะกันบ่อยครั้ง เหตุที่เกิดขึ้นไม่น่าจะรุนแรงถึงขนาดที่จำเลยคิดจะฆ่าผู้ตาย
โดยหลังเกิดเหตุจำเลยอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจจนไม่สามารถควบคุมสติได้
ทั้งเป็นผู้เดินไปแจ้งต่อบุคคลอื่นว่าทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย หากจำเลยประสงค์จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจริง จำเลยคงไม่แสดงกริยาเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า
จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยให้แก่ราษฎรในหมู่บ้าน
นอกจากอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS) ขนาด 12 ที่ใช้ยิงผู้ตาย ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ทางอำเภอชัยบาดาลมอบให้ไว้ใช้ตรวจรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านแล้ว
จำเลยยังมีอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์
แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) บรรจุ
4 นัด ขนาด 12
ที่ใช้ยิงขึ้นฟ้าในวันเกิดเหตุอีก 1
กระบอก จำเลยย่อมมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนและทราบดีอยู่แล้วว่าอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรงสามารถทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ง่าย
แต่จำเลยยังใช้อาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS) ขนาด 12 ของกลางในการข่มขู่ผู้ตาย
เมื่อพิจารณาสภาพศพของผู้ตายที่นอนอยู่บริเวณแคร่ไม้หน้าห้องนอนชั้นล่าง แสดงให้เห็นว่าขณะเกิดเหตุผู้ตายคงจะนั่งอยู่บนแคร่
จำเลยเดินถืออาวุธปืนเข้าไปหาผู้ตายเพื่อข่มขู่ โดยปากกระบอกปืนคงชี้ไปหาผู้ตายในระยะใกล้
มิฉะนั้นผู้ตายคงไม่สามารถจับปากกระบอกปืนของจำเลยได้
จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาวุธปืนของกลางอาจลั่นถูกผู้ตายถึงแก่ชีวิตได้ แต่จำเลยยังคงกระทำการดังกล่าว
เมื่อเกิดการดึงปืนกันจนปืนลั่นถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย
หาใช่เป็นการกระทำโดยประมาทดังที่จำเลยฎีกาไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน