โจทฟ้องขอไห้ลงโทสจำเลยทั้งสามถานสมคบกันปลนทรัพย์ตามกดหมายลักสนะอาญามาตรา ๓๐๑, ๖๓.
นายเรินและนายที่จำเลยไห้การรับสารภาพตามฟ้องส่วนนายรานจำเลยไห้การปติเสธข้อหา
สาลชั้นต้นพิพากสาลงโทสจำเลยทุกคน
นายรานจำเลยผู้เดียวอุธรน์
สาลอุธรน์เห็นว่าคดีฉเพาะนายเริน  นายรานจำเลยฟังได้ว่าได้กะทำผิดจิง  แต่ฉเพาะนายตี่จำเลยไม่เชื่อว่าได้กะทำผิด  แม้นายตี่จำเลยจะไม่ได้อุธรน์  สาลอุธรน์ก็มีอำนาดพิพากสาไห้ยกฟ้องได้ตามประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๑๘๕  และตามนัยปห่งคำพิพากสาดีกาที่ ๗๔๐/๒๔๘๓  แต่มีผู้พิพากสาสาลอุธรน์นายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่า  นายตี่จำเลยไม่ได้อุธรน์  คดีฉเพาะนายตี่ถึงที่สุดไนชั้นสาลชั้นต้นแล้ว  สาลอุธรน์จะมีอำนาดพิพากสาไห้ปล่อยจำเลยที่ไม่ได้อุธรน์ได้ก็แต่โดยอาสัยเหตุไนลักสนะคดีตามประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความอาญา ๒๑๕ เท่านั้น  สำหรับคดีนี้ปัญหาว่าจำเลยคนไดได้กะทำการปล้นหรือไม่เปนเหตุส่วนตัว  คำพิพากสาดีกาที่อ้างก็ไม่ตรงกัยเรื่องนี้  สาลอุธรน์จึงไม่มีอำนาดตัดสินปล่อนนายตี่จำเลย
โจท และนายรานจำเลยดีกา
สาลดีกาเห็ฯว่าคดีสำหรับนายตี่จำเลย  จำเลยไม่ได้อุธรน์  สาลอุธรน์ไม่มีอำนาดพิจารนาพิพากสาสำหรับจำเลยคนนี้ดังความเห็นแย้งของผู้พิพากสาสาลอุธรน์ จึงพิพากสาแก้คำพิพากสาสาลอุธรน์  ยืนตามคำพิพากสาสาลชั้นต้น