โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งจังหวัดสมุทรปราการที่ 1743/2541 ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2541 ประกาศจังหวัดสมุทรปราการลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2541 ให้ยึดทรัพย์สินและคำสั่งให้ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 85865 เลขที่ดิน 3617 หน้าสำรวจ 3124 เนื้อที่ 16 ตารางวาตำบลปากคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการพร้อมสิ่งปลูกสร้างทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เลขที่ 189/48 และให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 75,000 บาทแก่โจทก์ และค่าขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยทั้งเจ็ดยึดไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในอัตราเดือนละ 5,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะเพิกถอนคำสั่งและประกาศยึดทรัพย์สิน
จำเลยทั้งเจ็ดให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1ตลอดจนคำสั่งให้ยึดและขายทอดตลาดที่ดินของโจทก์ได้กระทำโดยชอบแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 85865 เลขที่ดิน 3617 หน้าสำรวจ 3124 ตำบลปากคลองบางปลากดอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ และสิ่งปลูกสร้างอาคาร 2 ชั้นเลขที่ 189/48 หมู่ที่ 3 ตำบลปากคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์จังหวัดสมุทรปราการ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งเจ็ดอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า "การใช้วิธีการยึดอายัดทรัพย์สินและการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ที่ค้างชำระหนี้ภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 นั้น มีกำหนดเวลา 10 ปี ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 12 วรรคสี่ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2526 ซึ่งถือว่าเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1ได้ใช้สิทธิเรียกร้องบังคับเอาแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ทราบการประเมินแล้วไม่ชำระจำเลยที่ 1 ชอบที่จะใช้อำนาจยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์ได้ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันถัดจากวันที่โจทก์ได้รับแจ้งการประเมิน ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 กับพวกยึดทรัพย์สินของโจทก์ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2541 จึงล่วงเลยกำหนดเวลาดังกล่าว จำเลยที่ 1ย่อมหมดสิทธิที่จะใช้วิธีการนี้บังคับแก่โจทก์ ส่วนที่จำเลยทั้งเจ็ดอุทธรณ์อ้างว่าคดีนี้ก่อนที่จะพ้น 10 ปี นับแต่วันที่โจทก์ได้รับแจ้งการประเมินจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์เป็นคดีล้มละลายต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2536 เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(2) จำเลยทั้งเจ็ดจึงชอบที่จะยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์ได้แม้จะเกิน 10 ปีนั้น เห็นว่า กำหนดเวลาบังคับชำระหนี้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12วรรคสี่ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271ดังกล่าว เป็นเรื่องระยะเวลาที่จะบังคับแก่ผู้ที่ค้างชำระหนี้ภาษีอากรไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงไม่ใช่อายุความ กรณีไม่อาจนำเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้บังคับจำเลยทั้งเจ็ดย่อมไม่อาจอ้างเหตุเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงได้ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาว่า การที่จำเลยที่ 1 กับพวกยึดทรัพย์สินของโจทก์ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2541 เป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งเจ็ดฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน