โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนดเลขที่ 122407 ที่ มี พระราชกฤษฎีกา เวนคืน เพื่อ สร้าง ทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 343 สาย คลองตัน-ลาดกระบัง โจทก์ ได้รับ เงิน ค่าทดแทน ไป แล้ว 249,000 บาท ขอให้ จำเลย ทั้ง สี่ ชำระ เงิน ค่าทดแทน เพิ่ม1,411,000 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 9.5 ต่อ ปี นับแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2532 จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์
จำเลย ทั้ง สี่ ให้การ ว่า โจทก์ จะ ต้อง ฟ้องคดี ภายใน 1 ปี นับแต่วัน พ้น กำหนด 60 วัน นับแต่ วันที่ รัฐมนตรี รับ อุทธรณ์ คดี ของ โจทก์ขาดอายุความ ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ให้ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ร่วมกันชำระ เงิน ค่าทดแทน จำนวน 1,411,000 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ใน อัตราร้อยละ 9.5 ต่อ ปี นับแต่ วันที่ 5 มกราคม 2533 เป็นต้น ไป จนกว่าจะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ กับ ให้ยก ฟ้องโจทก์ สำหรับ จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4
จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 1 ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า มี ปัญหา ที่ จะ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของจำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ว่า โจทก์ ไม่มี สิทธิ ฟ้องคดี ต่อ ศาล เพราะฟ้อง เกิน หนึ่ง ปี ตาม กฎหมาย เห็นว่า ตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วย การเวนคืน อสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติ ว่า"ใน กรณี ที่ ผู้มีสิทธิ ได้รับ เงิน ค่าทดแทน ยัง ไม่พอ ใจ ใน คำวินิจฉัยของรัฐ มนตรี ตาม มาตรา 25 หรือ ใน กรณี ที่ รัฐมนตรี มิได้ วินิจฉัย อุทธรณ์ให้ เสร็จสิ้น ภายใน กำหนด เวลา ตาม มาตรา 25 วรรคสอง ให้ มีสิทธิ ฟ้องคดี ต่อ ศาล ได้ ภายใน หนึ่ง ปี นับแต่ วันที่ ได้รับ แจ้ง คำวินิจฉัย ของรัฐมนตรี หรือ นับแต่ วันที่ พ้น กำหนด เวลา ดังกล่าว แล้วแต่ กรณี "นั้น หมายความ ว่า ใน กรณี ที่ รัฐมนตรี ได้ วินิจฉัย อุทธรณ์ เสร็จสิ้นภายใน หก สิบ วัน นับแต่ วันที่ ได้รับ คำอุทธรณ์ ตาม มาตรา 25 วรรคสองผู้มีสิทธิ ได้รับ เงิน ค่าทดแทน ยัง ไม่พอ ใจ ให้ มีสิทธิ ฟ้องคดี ต่อ ศาลได้ ภายใน หนึ่ง ปี นับแต่ วันที่ ได้รับ แจ้ง คำวินิจฉัย ของรัฐ มนตรีกรณี หนึ่ง และ ใน กรณี ที่ รัฐมนตรี มิได้ วินิจฉัย อุทธรณ์ ให้ เสร็จสิ้นภายใน หก สิบ วัน นับแต่ วันที่ ได้รับ คำอุทธรณ์ ตาม มาตรา 25 วรรคสองผู้มีสิทธิ ได้รับ เงิน ค่าทดแทน มีสิทธิ ฟ้องคดี ต่อ ศาล ได้ ภายใน หนึ่ง ปีนับแต่ วันที่ พ้น หก สิบ วัน นับแต่ วันที่ ได้รับ คำอุทธรณ์ ดังกล่าวอีก กรณี หนึ่ง กรณี ของ โจทก์ เป็น กรณี หลัง คือ กรณี ที่ รัฐมนตรี มิได้วินิจฉัย อุทธรณ์ ให้ เสร็จสิ้น ภายใน หก สิบ วัน นับแต่ วันที่ ได้รับคำอุทธรณ์ คือ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 ครบ หก สิบ วัน ใน วันที่14 เมษายน 2533 โจทก์ มีสิทธิ ฟ้องคดี ต่อ ศาล ได้ ภายใน หนึ่ง ปี คือภายใน วันที่ 15 เมษายน 2534 แม้ โจทก์ ได้รับ แจ้ง ให้ ไป รับ เงินค่าทดแทน เพิ่ม ตาม คำวินิจฉัย ของรัฐ มนตรี เมื่อ วันที่ 24 ธันวาคม 2533ก็ ไม่ทำ ให้ กำหนด ระยะเวลา ฟ้องคดี หนึ่ง ปี เริ่ม นับแต่ วันที่ ได้รับ แจ้งคำวินิจฉัย ของรัฐ มนตรี ดังนั้น เมื่อ โจทก์ นำ คดี มา ฟ้อง วันที่24 ธันวาคม 2534 จึง พ้น กำหนด เวลา หนึ่ง ปี โจทก์ ไม่มี สิทธิ ฟ้องคดี นี้คดี ไม่จำต้อง วินิจฉัย ฎีกา ของ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ข้อ อื่น ต่อไปเพราะ ไม่ทำ ให้ ผล คดี เปลี่ยนแปลง
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ยก ฟ้องโจทก์ สำหรับ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2เสีย ด้วย นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์