โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 334, 335, 336 ทวิ ให้คืนสุราขาว ยี่ห้อเหยี่ยวเงิน ขนาด 700 มิลลิลิตร 300 ลัง (โหล) และสุราผสม ยี่ห้อยูงทอง ขนาด 700 มิลลิลิตร 70 ลัง (โหล) ที่จำเลยกับพวกร่วมกันลักเอาไปแก่ผู้เสียหาย หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคา 552,600.32 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) (11) วรรคสอง, 336 ทวิ ประกอบมาตรา 83 วางโทษจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ (ที่ถูก กึ่งหนึ่ง) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี กับให้จำเลยร่วมกันคืนสุราขาว ยี่ห้อเหยี่ยวเงิน ขนาด 700 มิลลิลิตร 300 ลัง (โหล) และสุราผสม ยี่ห้อยูงทอง ขนาด 700 มิลลิลิตร 70 ลัง (โหล) หรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน 496,600.32 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาเฉพาะประเด็นที่ 2 ส่วนประเด็นที่ 1 และที่ 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกา
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยเฉพาะที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับมาว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) (11) วรรคสอง 336 ทวิ ประกอบมาตรา 83 วางโทษจำคุก 6 ปี แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้สืบพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงนั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง มิได้ถือเอาอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายบัญญัติเป็นข้อสำคัญแต่ถือเอาอัตราโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปเป็นเกณฑ์ กล่าวคือในความผิดฐานใดที่มีอัตราโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป หรือความผิดที่มีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือโทษประหารชีวิตสถานเดียว แม้จำเลยให้การรับสารภาพ กฎหมายก็บังคับให้ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงจึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้ คดีนี้เมื่อข้อหาความผิดตามที่โจทก์ฟ้องมีอัตราโทษอย่างสูงจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีหกเดือนถึงสิบปีหกเดือน ถึงแม้โทษจำคุกสิบปีหกเดือนนี้จะเป็นโทษที่หนักกว่าโทษจำคุกห้าปี แต่ก็เป็นอัตราโทษอย่างสูง ส่วนอัตราโทษอย่างต่ำในความผิดฐานนี้ให้จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีหกเดือนขึ้นไป ซึ่งศาลอาจลงโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่าโทษจำคุกสิบปีหกเดือนลงมาจนถึงจำคุกหนึ่งปีหกเดือนก็ได้ ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นวางโทษจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลยอีก ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่รับฎีกาข้อนี้ของจำเลยเนื่องจากเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่เมื่อศาลฎีกาได้รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยข้ออื่นในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะพิจารณาด้วยว่าโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษแก่จำเลยนั้นเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด และมีเหตุรอการลงโทษให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น และไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงแม้จำเลยไม่เคยกระทำความผิดก่อน จำเลยมีหน้าที่จะต้องเลี้ยงดูบุตรและภรรยา และต้องดูแลบิดามารดาที่อายุมากตามที่อ้างในฎีกา ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยหลังลดโทษแล้วจำคุก 3 ปี มานั้น เห็นว่า หลังจากอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 จำเลยนำเงินจำนวน 90,000 บาท มาวางไว้ที่ศาลชั้นต้นเพื่อบรรเทาผลร้ายให้แก่ผู้เสียหายเพิ่ม แสดงว่าจำเลยรู้สึกสำนึกผิด และพยายามบรรเทาผลร้ายเพิ่มเติมเท่าที่จำเลยสามารถจะทำได้อันถือเป็นเหตุบรรเทาผลร้ายที่จำเลยกระทำ ภายหลังจากอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปแล้ว กรณีมีเหตุสมควรกำหนดโทษจำคุกและแก้ไขในส่วนคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายเสียใหม่ให้เหมาะสมกับข้อเท็จจริงแห่งคดีที่เปลี่ยนไปข้างต้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) (11) วรรคสอง 336 ทวิ ประกอบมาตรา 83 วางโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน กับให้จำเลยร่วมกันคืนสุราขาว ยี่ห้อเหยี่ยวเงิน ขนาด 700 มิลลิลิตร 300 ลัง (โหล) และสุราผสม ยี่ห้อยูงทอง ขนาด 700 มิลลิลิตร 70 ลัง (โหล) หรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน 406,600.32 บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์