ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายว่าในคดีที่หาว่า จำเลยเบิกความเท็จใครเป็นจำเลย ข้อความเท็จสำคัญแก่คดีอย่างไร ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องสมบูรณ์ แต่ข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยทำผิด พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "คดีคงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะข้อหาเบิกความเท็จว่าฟ้องของโจทก์มีมูลที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ ฟังได้ว่าในคดีที่จำเลยฟ้องกล่าวมาว่าโจทก์กับพวกบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1358/2519 (หมายเลขแดงที่ 3434/2519) ของศาลจังหวัดสมุทรปราการนั้น ในการพิจารณาชั้นไต่สวนมูลฟ้องและในชั้นพิจารณา จำเลยได้เบิกความต่อศาลมีสารสำคัญว่าในวันที่ 16 เมษายน 2519 เวลากลางวัน โจทก์เข้าไปวางท่อน้ำในที่ดินโฉนดที่ 3636 ของบุตรจำเลย จำเลยห้ามปรามโจทก์ ก็ไม่เชื่อฟังกลับขู่จะทำร้ายจำเลยถ้าจำเลยรื้อท่อน้ำนั้นออก ปรากฏว่าในคดีดังกล่าวนั้น ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ยืนตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดสมุทรปราการ โดยศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าในวันที่ 16 เมษายน 2519 หาได้มีการกระทำตามที่จำเลยฟ้องไม่ ซึ่งหมายความว่ามิได้มีการวางท่อน้ำในที่ดินโฉนดที่ 3636 ของบุตรจำเลยในวันที่ 16 เมษายน 2519 นั้นแต่อย่างใด ฉะนั้นการที่จำเลยมาเบิกความต่อศาลว่าในวันที่ 16 เมษายน 2519 นั้น โจทก์ได้เข้าไปทำการวางท่อน้ำในที่ดินดังกล่าวแล้วโจทก์ขู่จะทำร้ายจำเลย ถ้าจำเลยรื้อท่อน้ำออกตามที่กล่าวข้างต้น จึงเป็นความเท็จแต่อย่างไรก็ดีตามคดีดังกล่าวนั้น ศาลอุทธรณ์ก็ฟังข้อเท็จจริงว่าหากมีการกระทำตามที่จำเลยฟ้องก็เป็นวันอื่น ซึ่งไม่ใช่วันที่ 16 เมษายน 2519 จำเลยฟ้องผิดวัน โจทก์นำสืบอ้างฐานที่อยู่ หลงข้อต่อสู้ เอาโทษโจทก์ไม่ได้ ฉะนั้นจึงเป็นที่เห็นได้ชัดว่าการที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์เข้าไปวางท่อน้ำและกระทำการต่าง ๆ ตามที่จำเลยฟ้องในวันที่ 16 เมษายน 2519 นั้น ถึงอย่างไรก็ไม่อาจนำคำเบิกความของจำเลยมารับฟังลงโทษโจทก์ได้ คำเบิกความเท็จของจำเลยจึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดีนั้น ไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 คดีของโจทก์ในข้อหาเบิกความเท็จไม่มีมูลที่จะประทับฟ้องไว้พิจารณา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์"
พิพากษายืน