คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์
3,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ
7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น
และยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560 ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในอุทธรณ์ของโจทก์ว่า
รอไว้สั่งเมื่อไต่สวนคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์เสร็จแล้ว
ต่อมาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์แล้วมีคำสั่งลงวันที่ 15 มีนาคม 2561
ว่า คดีไม่มีเหตุยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 156/1 ยกคำร้อง หากโจทก์ประสงค์จะอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป
ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลภายใน 7 วัน
นับแต่วันมีคำสั่ง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561
ให้ยกอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน
15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่ง โดยศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งให้คู่ความฟังเมื่อวันที่
20 สิงหาคม 2561
ก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนด
โจทก์ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 30 สิงหาคม 2561
ขอขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ออกไปจนถึงวันที่ 4
ตุลาคม 2561 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ครั้นวันที่ 3 ตุลาคม 2561 โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์โดยขอลดจำนวนทุนทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์จาก
3,000,000 บาท เหลือ 300,000 บาท พร้อมกับนำเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์จำนวน
6,000 บาท มาชำระต่อศาลในวันดังกล่าว
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ตามคำร้อง
ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์มานั้น
เป็นการชอบหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ที่ได้ยื่นไว้ต่อศาลชั้นต้นโดยขอลดจำนวนทุนทรัพย์จาก
3,000,000 บาท ลงเหลือ 300,000 บาท
นั้น มิใช่เป็นการแก้ไขประเด็นในอุทธรณ์ ย่อมไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบแต่อย่างใด
การขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ดังกล่าวก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้โจทก์ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ตามที่โจทก์ขอ
อีกทั้งโจทก์เองก็ได้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์เท่ากับจำนวนทุนทรัพย์ที่ขอลดลงมาชำระภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด
เช่นนี้แล้วศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะรับอุทธรณ์ของโจทก์ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมศาล
การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งและคำพิพากษาให้ยกคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ของโจทก์มานั้น
ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ
อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ได้
ให้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ