ได้ความว่าเจ้าพนักงานจับเชื้อสุราได้จากจำเลย  และเจ้าพนักงานเบิกความว่ากินเมาเหมือนสุรา  ถ้าต้มกลั่นก็เปนสุราได้  โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
ศาลเดิมตัดสินว่าจำเลยมีผิดตาม พรบ ภาษีชั้นใน  จ.ศ๑๒๔๘ ม.๓๘ และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๔๖๗ ให้ปรับจำเลย ๖๐ บาท
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มิได้สืบว่าของกลางมีแอลกอฮอล์อยู่ด้วย  เพียงแต่ปรากฏว่ากินเมาอย่างเดียว  จำเลยยังไม่มีผิด  ให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า  ของกลางที่จับได้นั้น ถ้าเปนสุราตาม พรบ ภาษีสุรา จ.ศ.๑๒๔๘ แล้วไม่จำเปนจะต้องนำสืบว่ามีแอลกอฮอล์เจือปนอยู่ด้วย  ส่วน พรบ ภาษีชั้นในแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. ๒๔๖๗ ม.๒  ไม่ใช่เปนบทวิเคราะห์ศัพท์ของ พรบ ภาษีสุรา จ.ศ.๑๒๔๘  เปนแต่เพิ่มเติมคำว่าน้ำสุรา  คดีนี้ของกลางที่จับได้เปนเชื้อสุรา  และเมื่อต้มกลั่นก็เปนสุราทีเดียวดังนี้จำเลยต้องมีผิดตาม ม.๓๘  คือ มีเครื่องสำหรับทำน้ำสุรา  ข้อที่โจทก์จะต้องพิศูจน์ว่ามีแอลกอฮอล์  ซึ่งสามารถดื่มกินได้เช่นเดียวกับสุรานั้น  จะต้องเปนวัตถุหรือของผสมอย่างอื่น  เช่นยากลั่นที่มีแอลกอฮอล์เปนต้น  และฎีกาที่ ๒๖๗/๒๔๗๒  จึงให้ลงโทษจำเลยตามศาลเดิม
ท่านเจ้าของได้เติมลงในฎีกาแล้วว่า "ซึ่งเห็นได้ว่าจำเลยมีวิธีเพื่อทำสุรา"