โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา340, 340 ตรี, 33 และริบของกลาง ให้จำเลยทั้งหกร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์รวม 31,350 บาท แก่เจ้าของ
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบ 340 ตรี และจำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบ86 จำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 คนละ 18 ปี จำคุกจำเลยที่ 6 กำหนด8 ปี คำรับของจำเลยทั้งหกในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 คนละ12 ปี จำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 5 ปี 4 เดือน ริบของกลางเว้นแต่รถจักรยานยนต์และอาวุธปืนลูกซอง 5 นัด ของกลางให้คืนเจ้าของและให้จำเลยทั้งหกร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนรวม 25,350 บาทแก่เจ้าของ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 2 และที่ 6 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับจำเลยที่ 6 ให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้เป็นยุติว่า ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนเข้าปล้นเอาทรัพย์ของผู้เสียหายตามฟ้องไป ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งหกกล่าวหาและฟ้องเป็นคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 6 ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์จำเลยที่ 2 และที่ 6 อุทธรณ์ แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6 จำเลยนอกนั้นคงลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์จึงมีเพียงว่าจำเลยที่ 6 ได้กระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ดังศาลชั้นต้นพิพากษาหรือไม่ เห็นว่า คดีสำหรับจำเลยที่ 6 "โจทก์ไม่มีพยานมานำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 6 ได้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 เข้าปล้นทรัพย์อย่างไรบ้าง โจทก์คงมีแต่บันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 6 ที่ให้การว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยทั้งหกได้ร่วมกันวางแผนที่จะปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย แต่เมื่อถึงวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 6 มิได้ไปร่วมปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายด้วย คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ที่ให้การถึงจำเลยที่ 6 เป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกันเอง ส่วนคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 6 จำเลยที่ 6 ก็ต่อสู้ว่าเป็นคำให้การที่ได้มาโดยมิชอบ ลำพังเพียงคำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวโดยโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุนจึงมีน้ำหนักน้อย" แม้จากคำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวจะได้ความว่า หลังจากวันปล้นทรัพย์16 ถึง 17 วัน จำเลยที่ 1 นำอาวุธปืนลูกซอง 5 นัดที่ได้มาจากการปล้นมาขอให้จำเลยที่ 6 ช่วยนำไปจำหน่าย จำเลยที่ 6 ก็ได้พาจำเลยที่ 1 ไปขายอาวุธปืนดังกล่าวแก่นายวิฑูรย์ แล้วจำเลยที่ 6ได้พาพนักงานสอบสวนไปยึดอาวุธปืนดังกล่าวมาได้จากนายวิฑูรย์ก็ตาม การกระทำของจำเลยที่ 6 หลังวันเกิดเหตุนี้นอกจากจะไม่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดแล้ว ก็ไม่อาจนำไปสนับสนุนให้ฟังได้ว่าจำเลยที่ 6 ได้ร่วมวางแผนปล้นทรัพย์ก่อนเกิดเหตุจริง คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 6 ได้กระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน