ได้ความว่าจำเลยทั้ง ๒  เข้าไปในโรงเจ้าทรัพย์เก็บเอาทรัพย์ไปได้รวมราคา  ๔๗๑  บาทเศษ ล.เปนผู้ถือมีดขู่จะทำร้ายเจ้าทรัพย์  และได้เอากะป๋องลิ้นจี่ขว้างเจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บ   แล้วจำเลยหนีลงเรือซึ่งจอดอยู่หน้าโรงเจ้าทรัพย์  มีคนอยู่ในเรือลำนั้นด้วยอีกคนหนึ่งดังนี้  โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้น
ศาลเดิมตัดสินว่าคดีไม่เข้าฐานปล้นคดีฉะเพาะตัว  ล.จำเลยมีผิดตาม ม.๓๐๐  ให้จำคุก ๕ ปี  ก.จำเลยมีผิดตาม  ม.๒๙๕  ให้จำคุก  ๓ ปี  เพิ่มโทษอีก  ๑  ใน ๓ รวมเปน  ๔  ปี
ศาลอุทธรณ์ตัดสินแก้ว่า   ก.จำเลยต้องมีผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ม.๓๐๐  ด้วย  จึงให้จำคุก  ก.๕ ปี  เพิ่มโทษอีก ๑ ใน ๓ รวมเปน ๖ ปี ๘ เดือน  นอกจากนี้ยืนตามศาลเดิม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  คดีสำหรับตัว  ล.จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้  ต้องห้ามตาม  ม.๓ แห่ง พรบฎีกาอุทธรณ์  และตัดสินสำหรับตัว ล.จำเลยยืนตามศาลอุทธรณ์