ได้ความว่าจำเลยลงลายมือชื่อเปนพะยานในพินัยกรรม  ส.ก่อนที่  ส.ตาย  แต่จำเลยมาเปนพะยานที่ศาลกลับเบิกความว่า  จำเลยลงลายมือชือเมื่อ  ส.ตายแล้ว  ๒  วัน  อันเปนความไม่จริงดังนี้   โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๕๕
ศาลเดิมตัดสินว่าจำเลยเบิกความเท็จในข้อที่ไม่สำคัญ  และศาลไม่ได้ฟังคำของจำเลยเปนหลักในการตัดสินคดี  จำเลยยังไม่มีผิด  ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ตัดสินกลับว่า  ถ้อยคำที่จำเลยเบิกความเท็จนั้นเปนข้อสำคัญในคดี  แม้ศาลไม่ฟังคำของจำเลยขึ้นชี้ขาดคดีก็ดี  จำเลยก็ต้องมีผิดตาม  ม.๑๕๕  ให้จำคุกไว้ ๓ เดือน
ศาลฎีกาเห็นว่า  ถ้อยคำที่จำเลยเบิกความเปนคำเท็จให้ข้อสำคัญแห่งคดี  คือ อาจเปนเหตุทำให้พินัยกรรมที่โจทก์อ้างนั้นใช้ไม่ได้ตามกฎหมาย  จึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์