โจทก์ฟ้องว่า  (ก)  จำเลยที่ ๑  ซึ่งได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้แรงคน  บังอาจปฏิบัติฝ่าฝืนข้อกำหนดในการอนุญาต  โดยใช้เครื่องจักรกลทำการแปรรูปไม้ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ (ข)  จำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต  (ค)  จำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำผิดด้วยการจ้างให้จำเลยที่ ๓  ที่ ๔  ที่ ๕  ที่ ๖  แปรรูปไม้สักดังกล่าว  และจำเลยที่ ๓  ที่ ๔  ที่ ๕  ที่ ๖  ได้ร่วมกันแปรรูปไม้สักตามที่จำเลยที่ ๑  ที่ ๒ จ้าง  โดยจำเลยทุกคนมิได้รับอนุญาต  ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้  พ.ศ. ๒๔๘๔  มาตรา ๔๘, ๗๓, ๗๔  พระราชบัญญัติป่าไม้  (ฉบับที่ ๔)  พ.ศ. ๒๕๐๓  มาตรา ๑๗, ๑๘  ประกาศของคณะปฏิวัติ  ฉบับที่ ๑๑๖  ข้อ ๔  ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๑๕  ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔  และริบของกลาง
จำเลยทั้ง ๖ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า  จำเลยที่ ๑  ที่ ๒  มีความผิดฐานร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรกลโดยมิได้รับอนุญาต  กระทงหนึ่ง  ร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต  กระทงหนึ่ง  ร่วมกันใช้ให้จำเลยที่ ๓  ที่ ๔  ที่ ๕  ที่ ๖  แปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต  กระทงหนึ่ง  และจำเลยที่ ๓  ที่ ๔  ที่ ๕  ที่ ๖  ร่วมกับจำเลยที่ ๑  ที่ ๒  แปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาต  ตามพระราชบัญญัติป่าไม้  พ.ศ. ๒๔๘๔  มาตรา ๔๘, ๗๓, ๗๔  พระราชบัญญัติป่าไม้  (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓  มาตรา ๑๗,  ๑๘  ประกาศของคณะปฏิวัติ  ฉบับที่ ๑๑๖  ข้อ ๔  ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๑๕  ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓  ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ทุกกระทง  ตามประกาศของคณะปฏิวัติ  ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๒  ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔  จำคุกจำเลยที่ ๑  ที่ ๒  กระทงละ ๖ เดือน  รวม ๓ กระทง  เป็นจำคุกคนละ ๑ ปี ๖ เดือน  จำคุกจำเลยที่ ๓  ที่ ๔  ที่ ๕  ที่ ๖  คนละ ๖ เดือน ริบของกลาง
จำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ที่ ๔  ที่ ๖ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า  จำเลยที่ ๑  ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้เพื่อประดิษฐกรรมโดยใช้แรงงานคน  มีคนงานหรือผู้รับจ้าง ๔ คน  โรงงานแห่งนี้ใช้เครื่องเลื่อยวงเดือน ๓ เครื่อง  และเครื่องไสกบไฟฟ้า ๑ เครื่อง  จำเลยที่ ๒  เป็นผู้จัดการ  จำเลยที่ ๓  ถึงที่ ๖  เป็นคนงานทำการแปรรูปไม้  เจ้าพนักงานตรวจยึดไม้สักแปรรูปได้ ๓.๕๙ ลูกบาศก์เมตร  ท้องที่เกิดเหตุอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  ปัญหามีว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑  ซึ่งได้รับอนุญาตให้แปรรูปไม้โดยใช้แรงคน  แต่ฝ่าฝืนข้อกำหนดในใบอนุญาตโดยการใช้เครื่องจักรกล  เป็นความผิดตามมาตรา ๔๘  แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้หรือไม่  ตามประกาศของคณะปฏิวัติ  ฉบับที่ ๑๑๖  ข้อ ๔  ซึ่งให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๘   แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้  พ.ศ. ๒๔๘๔  ให้ใช้ความใหม่ว่า  "มาตรา ๔๘  ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้  ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้  ตั้งโรงงานแปรรูปไม้  ฯลฯ  เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่  และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและในการอนุญาต"  เห็นว่าตามบทบัญญัติใหม่นี้  ผู้ขอตั้งโรงงานแปรรูปไม้ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้  แม้จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว  ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและในการอนุญาต  หากทำการฝ่าฝืน  ย่อมเป็นความผิดและมีโทษตามมาตรา ๗๓  แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้  พ.ศ. ๒๔๘๔  การตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้แรงานคน  แตกต่างกับการตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรกล  ผู้ขอรับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักกรต้องมีคุณสมบัติพิเศษที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๔๙  เครื่องเลื่อยวงเดือนและเครื่องไสกบไฟฟ้าเป็นเครื่องจักรกลอย่างหนึ่ง  ดังนั้น  การที่จำเลยที่ ๑ ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้แรงคนแล้วฝ่าฝืนข้อกำหนดในใบอนุญาต  กลับใช้เครื่องจักกลแปรรูปไม้เช่นนี้  ย่อมเป็นความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้ตามมาตรา ๔๘  แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ตามที่แก้ไขใหม่นี้  ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ ๒  ฐานร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้ด้วยนั้น  เห็นว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานนี้ด้วย  จึงลงโทษจำเลยที่ ๒  ฐานร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้ไม่ได้
ปัญหาต่อไป  จำเลยที่ ๑  ที่ ๒  มีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือไม่  คดีฟังได้มั่นคงว่าจำเลยที่ ๒   มีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต  อันเป็นความผิดตามมาตรา ๔๘  ประกอบด้วยมาตรา ๗๓  ส่วนที่จำเลยที่ ๑  ผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้แรงคนและมีไม้ดังกล่าวไว้ในโรงงาน  ย่อมเป็นความผิดตามมาตรา ๕๑  ประกอบด้วยมาตรา ๗๒ ทวิ  หามีความผิดตามมาตรา ๔๘ อีกไม้  ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๘๓/๒๕๐๓  ข้อนี้แม้โจทก์จะอ้างบทมาตราผิด  ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยที่ ๑  ตามฐานความผดที่ถูกต้องได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการ  จำเลยที่ ๔  และที่ ๖  กำลังแปรรูปไม้โดยไม่มีใบคู่มือแสดงฐานะเป็นคนงานหรือผู้รับจ้าง  ซึ่งเป็นใบอนุญาตที่ออกให้โดยเจ้าพนักงานป่าไม้  ย่อมรู้ดีว่าทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต  จำเลยที่ ๔  ที่ ๖  จึงมีความผิดฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต  ส่วนจำเลยที่ ๑  ซึ่งเป็นผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้ย่อมต้องรับผิดชอบในการดำเนินกิจการเกี่ยวกับการแปรรูปไม้ตามที่ตนได้รับอนุญาต  ตามมาตรา ๔๘  ทวิ  การกระทำของจำเลยที่ ๑  และที่ ๒  ซึ่งเป็นผู้จัดการ  จึงฟังได้ว่าเป็นผู้ว่าจ้าง  มีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ ๔  ที่ ๖  แปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า  จำเลยที่ ๑  มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้  พ.ศ. ๒๔๘๔  แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้  (ฉบับที่ ๔)  พ.ศ. ๒๕๐๓  มาตรา ๑๐, ๑๕, ๑๗, ๑๘   ประกาศของคณะปฏิวัติ  ฉบับที่ ๑๑๖  ข้อ ๔  ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๑๕  ฐานได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้แรงคนแต่ฝ่าฝืนข้อกำหนดในการอนุญาตโดยใช้เครื่องจักรกลตามมาตรา ๔๘, ๗๓  กระทงหนึ่ง  มีไม้สักแปรรูปไว้ในโรงงานโดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา ๕๑, ๗๒  ทวิ , ๗๔  อีกกระทงหนึ่ง  และว่าจ้างให้จำเลยที่ ๔  ที่ ๖  ทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๔๘, ๗๓  และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๔  อีกกระทงหนึ่ง  จำเลยที่ ๒  ผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต  ตามมาตรา ๔๘, ๗๓  และว่าจ้างให้จำเลยที่ ๔  ที่ ๖  แปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๔๘, ๗๓  และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๔  รวม ๒  กระทง  ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด  ตามประกาศของคณะปฏิวัติ  ฉบับที่ ๑๑  ข้อ ๒  ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔  จำคุกจำเลยที่ ๑  กระทงละ ๖ เดือน  รวม ๓ กระทง  จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน  จำเลยที่ ๒  กระทงละ ๖ เดือน  รวมเป็นจำคุก ๑ ปี  นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์