โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย กระทำผิด ต่อ กฎหมาย หลายกรรม ต่างกันกล่าว คือ จำเลย มีไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ ขาย ซึ่ง เมทแอมเฟตามีน อันเป็นวัตถุ ออกฤทธิ์ ใน ประเภท 2 จำนวน 1,164 เม็ด โดย ไม่ได้ รับ อนุญาตและ ฝ่าฝืน ต่อ กฎหมาย และ ขาย เมทแอมเฟตามีน ดังกล่าว จำนวน 4 เม็ดให้ แก่ สาย ลับ ผู้ล่อซื้อ ไป ก่อน คดี นี้ จำเลย ต้อง คำพิพากษาถึงที่สุดให้ ลงโทษ จำคุก มี กำหนด 1 ปี 6 เดือน ฐาน มี เฮโรอีน ไว้ ใน ครอบครองโดย ไม่ได้ รับ อนุญาต และ ได้ กลับมา กระทำ ความผิด ใน คดี นี้ ขึ้น อีกภายใน เวลา ห้า ปี นับแต่ วัน พ้นโทษ ขอให้ ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ ,62, 89, 106, 106 ทวิ , 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91, 92ริบ เมทแอมเฟตามีน ของกลาง ให้ แก่ กระทรวงสาธารณสุข คืน ธนบัตร ของกลางที่ ใช้ ล่อ ซื้อ แก่ เจ้าของ และ เพิ่มโทษ จำเลย ตาม กฎหมาย
จำเลย ให้การรับสารภาพ และ รับ ว่า เคย ต้องโทษ และ พ้นโทษ มา แล้วจริง ตาม ฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด กระทง แรกตาม พระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ , 62 วรรคหนึ่ง ประกอบ ด้วย มาตรา 89 และ 106 ทวิเป็น ความผิด สอง บท แต่ เนื่องจาก โทษ เท่ากัน จึง ลงโทษ ตาม มาตรา62 วรรคหนึ่ง , 106 ทวิ ให้ จำคุก 16 ปี สำหรับ ความผิด กระทง หลังให้ ลงโทษ ตาม มาตรา 13 ทวิ , 89 ให้ จำคุก 5 ปี รวม จำคุก 21 ปีเพิ่มโทษ จำคุก หนึ่ง ใน สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็น จำคุก28 ปี ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก14 ปี ริบ เมทแอมเฟตามีน ของกลาง ให้ แก่ กระทรวงสาธารณสุข และคืน ธนบัตร ของกลาง ที่ ใช้ ล่อ ซื้อ แก่ เจ้าของ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ว่า ความผิด ตาม พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่งและ 106 ทวิ ให้ จำคุก 5 ปี มาตรา 13 ทวิ และ 89 จำคุก 5 ปีรวม จำคุก 10 ปี เพิ่มโทษ หนึ่ง ใน สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92เป็น จำคุก 13 ปี 4 เดือน ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คง จำคุก 6 ปี 8 เดือน นอกจาก ที่ แก้ คง ให้ เป็น ไป ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกา โดย อัยการ สูงสุด รับรอง ให้ ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ข้อเท็จจริง ฟัง ยุติ ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ว่า จำเลย มี เมทแอมเฟตามีน จำนวน 1,164 เม็ด ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ ขายและ ขาย เมทแอมเฟตามีน ดังกล่าว จำนวน 4 เม็ด และ ปรากฏว่าศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ลงโทษ จำเลย ฐาน มีไว้ ใน ครอบครองเพื่อ ขาย และ ฐาน ขาย เมทแอมเฟตามีน เป็น 2 กรรม แต่ ลงโทษ ฐาน มีไว้ใน ครอบครอง เพื่อ ขาย แตกต่าง กัน โดย ศาลชั้นต้น ลงโทษ จำคุก 16 ปีศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ลงโทษ จำคุก 5 ปี โจทก์ ฎีกา เฉพาะ ฐานมีไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ ขาย ให้ ลงโทษ ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น เห็นว่าคดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ฐาน มี เมทแอมเฟตามีน ไว้ ใน ครอบครองเพื่อ ขาย และ ฐาน ขาย เมทแอมเฟตามีน อันเป็น วัตถุ ออกฤทธิ์ ใน ประเภท 2ซึ่ง พระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ บัญญัติ ห้าม มิให้ ผู้ใด ผลิต ขาย นำเข้า หรือ ส่งออกซึ่ง วัตถุ ออกฤทธิ์ ใน ประเภท 2 และ มี บท กำหนด โทษ ตาม มาตรา 89กับ มาตรา 62 วรรคหนึ่ง บัญญัติ ห้าม มิให้ ผู้ใด มีไว้ ใน ครอบครองหรือ ใช้ ประโยชน์ ใด ๆ ซึ่ง วัตถุ ออกฤทธิ์ ทุก ประเภท และ มี บท กำหนด โทษตาม มาตรา 106 ทวิ และ มาตรา 4 แห่ง พระราชบัญญัติ ดังกล่าว ได้วิเคราะห์ ศัพท์ คำ ว่า "ขาย " ว่า หมายความ รวม ถึง จำหน่าย จ่าย แจกแลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือ มีไว้ เพื่อ ขาย ฉะนั้น การ ขาย หรือ มีไว้ เพื่อ ขายตาม นัย แห่ง พระราชบัญญัติ ฉบับนี้ จึง เป็น ความผิด อย่างเดียว กันและ ตาม ข้อเท็จจริง ที่ โจทก์ นำสืบ ปรากฏว่า จำเลย ขาย เมทแอมเฟตามีนให้ แก่ สาย ลับ จำนวน 4 เม็ด ต่อมา ใน เวลา ใกล้เคียง กัน ค้นพบ ได้ ในตัว จำเลย จำนวน 60 เม็ด และ ค้น ได้ ใน ห้องพัก ของ จำเลย อีก จำนวน1,100 เม็ด เมทแอมเฟตามีน ของกลาง ทั้ง สาม จำนวน จึง เป็น จำนวน เดียว กับที่ จำเลย ขาย และ มีไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ ขาย ใน เวลา เดียว กัน และต่อเนื่อง กัน การกระทำ ของ จำเลย ดังกล่าว จึง เป็น ความผิด กรรมเดียวคือ การ ขาย นั่นเอง จำเลย หา ได้ มี ความผิด ฐาน มี เมทแอมเฟตามีน จำนวน1,160 เม็ด ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ ขาย อีก กรรมหนึ่ง แต่อย่างใด ไม่แม้ จำเลย จะ ให้การรับสารภาพ ตาม ฟ้อง ว่า ขาย และ มีไว้ ใน ครอบครองเพื่อ ขาย เมทแอมเฟตามีน เป็น 2 กรรม ก็ ตาม แต่ กรณี นี้ เป็น ปัญหาข้อกฎหมาย ที่ เกี่ยวกับ ความสงบ เรียบร้อย ศาลฎีกา มีอำนาจ ยกขึ้นวินิจฉัย ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225ประกอบ มาตรา 195 วรรคสอง ที่ ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษ จำเลย เป็น อีก กรรมหนึ่ง จึง ไม่ต้อง ด้วย ความเห็น ของ ศาลฎีกาและ การ ที่ โจทก์ ฎีกา ขอให้ ลงโทษ จำเลย หนัก ขึ้น ใน ความผิด ฐาน มีเมทแอมเฟตามีน ไว้ เพื่อ ขาย จำนวน 1,160 เม็ด ก็ คือ การ ฎีกา ขอให้ลงโทษ จำเลย ใน ฐาน ขาย เมทแอมเฟตามีน จำนวน ดังกล่าว ให้ หนัก ขึ้น นั่นเองเมื่อ ความผิด ฐาน ขาย เมทแอมเฟตามีน จำนวน 4 เม็ด ให้ แก่ สาย ลับกับ ความผิด ฐาน มีไว้ เพื่อ ขาย เมทแอมเฟตามีน จำนวน 1,160 เม็ดที่ ยึด ได้ ใน ภายหลัง เป็น ความผิด กรรมเดียว กัน จึง เห็นสมควร กำหนด โทษที่ จะ ลง แก่ จำเลย ใหม่ เพื่อ ให้ เหมาะสม แก่ รูปคดี
พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติ วัตถุ ที่ออกฤทธิ์ ต่อ จิต และ ประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง ,89 เพียง กรรมเดียว ให้ ลงโทษ จำคุก 12 ปี เพิ่มโทษ หนึ่ง ใน สาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็น จำคุก 16 ปี ลดโทษ กึ่งหนึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก 8 ปี นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็นไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์