ได้ความว่า นายสุพิน วรพิบูลย์ สร้างตลาดแล้วยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วนายสุพินได้เช่าตลาดนี้จากจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้คนเช่าแผงลอยขายของในตลาด นายสุพินให้โจทก์มีสิทธิเช่าแผงลอย ๓ แผง โดยเสียค่าเช่าประจำวัน โดยไม่จำกัดว่าต้องค้าขายเองหรือให้มารดาโจทก์ค้าขาย และไม่ได้กำหนดระยะเวลาเช่า เมื่อนายสุพินโอนสิทธิการเช่าตลาดให้นายเอิบ ผู้เช่าแผงลอยกับนายสุพินและนายเอิบตกลงกันว่า ถ้าไม่ค้างชำระค่าเช่าก็ให้เช่าตลอดไป โจทก์ได้ให้นางสุรีย์หรือลี่น้องโจทก์ไปนั่งขายของรวมกับนางฉิมมารดาโจทก์ นางฉิมเสียค่าเช่าเป็นรายวัย นางลี่ได้กู้เงินจากนางฮ้อจำเลยและจากพี่ชายนางสาวจุไรหรือจู้จำเลยไป นางลี่จึงให้นางฮ้อกับพี่ชายนางสาวจู้เข้าขายของที่แผงลอยพิพาท แต่พี่ชายนางสาวจู้ให้นางสาวจู้จำเลยเข้าไปนั่งขายแทน โจทก์ไม่ทราบเรื่องที่นางลี่ได้กระทำไป
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะไม่ใช่เจ้าของแผงลอยพิพาท แต่ก็เป็นผู้มีสิทธิที่จะเข้าขายของที่แผงลอยได้โดยชอบ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้ ที่จำเลยทั้งสองว่าได้ไปติดต่อขอเช่าจากนายเอิบ นายเอิบก็เบิกความว่าไม่รู้จักจำเลย แม้จะได้ความว่าคนเก็บค่าเช่าแผงลอยไปเก็บค่าเช่าจากจำเลย ก็ยังไม่พอให้ถือว่าจำเลยมีสิทธิในแผงลอยที่พิพาทดีกว่าโจทก์ เพราะหาใช่ว่าจำเลยได้ชำระไปในฐานะที่เป็นผู้เช่าโดยชอบไม่
พิพากษายืน