โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คน ที่หลบหนีร่วมกันหลอกลวงประชาชนในหมู่บ้านตำบลหนองกุลา อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลกโดยประกาศชัดชวนข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยกับพวกสามารถจัดหางานให้ไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ได้ แต่ต้องจ่ายเงินให้จำเลยกับพวกคนละ 20,000 บาท เพื่อเป็นค่าดำเนินการ ความจริงแล้วจำเลยกับพวกไม่สามารถจัดหางานให้ได้ และไม่มีงานในประเทศสิงคโปร์ เป็นเหตุให้ผู้เสียหาย 7 คน หลงเชื่อและมอบเงินให้จำเลยกับพวกรวมเป็นเงิน80,000 บาท และจำเลยกับพวกมิได้เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนแต่ร่วมกันจัดหางานให้แก่ประชาชน ซึ่งเป็นคนหางานเพื่อไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา343, 83 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้ม ครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 30, 82 และให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 80,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 86 จำคุก 3 ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน80,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ส่วนข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 83 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ก่อนวันเวลาเกิดเหตุ นายทวี ไหวมาก สามีของจำเลยได้ประกาศชักชวนหลอกลวงประชาชนในหมู่บ้านตำบลหนองกุลาอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ว่า สามารถจัดหางานให้ไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ได้ ทำให้ผู้เสียหายทั้งเจ็ดหลงเชื่อและมอบเงินให้นายทวีรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80,000 บาท แต่นายทวีไม่สามารถจัดหางานให้ได้ ขณะผู้เสียหายทั้งเจ็ดมอบเงินให้นายทวีสามีของจำเลยจำเลยได้นั่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย นายทวีรับเงินจากผู้เสียหายแล้วส่งเงินต่อให้จำเลย จำเลยได้รับเงินไว้ และจำเลยยังได้พูดกับพวกผู้เสียหายว่า หากไม่ได้ไปจะคืนเงินให้ นายทวีและจำเลยเป็นสามีภรรยากันย่อมมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด การที่จำเลยพูดกับพวกผู้เสียหายว่า หากไม่ได้ไปจะคืนให้ก็เป็นการแสดงว่าจำเลยรู้ว่าความจริงนายทวีไม่สามารถพาพวกผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศได้ แม้จะได้ความว่าก่อนวันรับเงินจำเลยเคยถามนายทวีต่อหน้านางหน่วยว่านายทวีสามารถพาไปได้จริงหรือเปล่าก็ตาม แต่จำเลยก็ยังพูดข้อความดังกล่าวและรับเงินที่นายทวีรับไว้จากพวกผู้เสียหายด้วย อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะที่นายทวีกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนหรืออีกนัยหนึ่ง เป็นการพูดสนับสนุนให้พวกผู้เสียหายเชื่อในคำชักชวนของนายทวียิ่งขึ้น การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.