ได้ความว่าที่สวนจากรายพิภาษเดิมเป็นของโจทก์ ๆ ละทิ้งไปอยู่ในดินแดนอังกฤษ ๑๕-๑๖ ปี จึงกลับเข้ามา และไม่ได้เข้าปกครองที่รายนี้จำเลยเข้าปกครองโดยอำนาจปรปักษ์ตลอดมาเป็นเวลา ๑๐ ปี ครั้นต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องต่ออำเภอเรียกกรรมสิทธิที่นี้จากจำเลยแล้ว โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญากันที่อำเภอฉบับหนึ่งเป็น "ใบยอมความ" ว่าให้เรียกพันอ่ำกำนันมาเป็นพะยาน ถ้าพันอ่ำให้การสมฝ่ายใด ให้ฝ่ายนั้นชนะ พันอ่ำได้มาเบิกความสมฝ่ายโจทก์ อำเภอจึงชี้ขาดให้ที่เป็นของโจทก์ปัญหามีว่าฝ่ายใดจะได้ที่เป็นกรรมสิทธิ
ศาลเดิมตัดสินว่า สัญญาที่ทำต่ออำเภอเป็นแต่เพียงสัญญาที่มีเงื่อนไข ไม่ผูกพันจำเลย เมื่อจำเลยปกครองที่โดยปรปักษ์มาถึง ๑๐ ปี จึงให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่า สัญญายอมความอันมีเงื่อนไขบังคับนี้ ได้ทำขึ้นประสงค์จะระงับข้อพิภาษ ย่อมสมบูรณ์และมีผลตั้งแต่วันที่เงื่อนไขนั้นสำเร็จลง คือเมื่อพันอ่ำมาเบิกความ และเป็นการผูกมัดคู่กรณีทั้ง ๒ ฝ่าย จึงให้ที่รายพิภาษเป็นของโจทก์ตามสัญญา