คดีนี้สาลชั้นต้นพิพากสายกฟ้องโจทที่ขอไห้ลงโทสจำเลยถานปลอมหนังสือโดยได้ความตามที่สาลเรียกสำนวนคดีอาญาเลขที่ ๒๕/๒๔๘๖ ของสาลทหานกรุงเทพฯ(สระบุรี) มาประกอบการพิจารนาว่า เรื่องนี้จำเลยถูกฟ้องที่สาลทหานกรุงเทพฯ(สระบุรี) มาครั้งหนึ่งแล้ว สาลทหานได้พิพากสาลงโทสจำเลยถานแจ้งความเท็ด ส่วนความผิดถานปลอมหนังสือนั้นวินิฉัยว่าโจทไม่มีสิทธิฟ้องยังสาลทหาน สาลชั้นต้นจึงเห็นว่าการที่สาลทหานวินิฉัยว่าโจทไม่มีสิทธิฟ้องก็เท่ากับพิพากสายกฟ้องเปนการพิพาทเส็ดเด็ดขาดแล้ว สิทธิต้องคดีของโจทจึงระงับไปตามประมวนวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๓๙(๔) โจทไม่มีสิทธิที่จะยื่นฟ้องไหม่ไนสาลพลเรือนอีก แต่มีความเห็นแย้งของผู้พิพากสานายหนึ่งว่าโจทมีอำนาดฟ้องสาลธัมดาไห้ลงโทสถานปลอมหนังสือได้เพราะความผิดถานแจ้งความเท็ดเท่านั้นสาลได้พิจารนาพิพากสาเส็ดเด็ดขาดตามประมวนวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๓๙(๔)
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสาไห้ลงโทสจำเลยไนความผิดถานปลอมหนังสือโดยเห็นด้วยตามความเห็นแย้ง
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่าที่จำเลยดีกาว่าความผิดของจำเลยถานปลอมหนังสือที่โจทฟ้องไนคดีนี้กับความผิดถานแจ้งความเท็ดที่สาลทหานพิพากสาลงโทสจำเลยไปแล้วเปนกรนีเกิดจากการกะทำอันเดียวกัน อันเปนความผิดกดหมายหลายบท ต้องถือว่า สาลทหานได้พิพากสากรนีเรื่องนี้เส็ดเด็ดขาดแล้ว โจทหมดสิทธิฟ้องคดีนี้นั้น เห็นว่าการกะทำของจำเลยเปนความผิดหลายกะทงไม่ไช่หลายบท ไนกะทงความผิดถานปลอมหนังสือสาลทหานยังมิได้พิพากสาเส็ดเด็ดขาดไนความผิด โจทจึงมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้ดังคำชี้ขาดของสาลอุธรน์ ดีกาข้อว่าควนรวมลงโทสจำเลยนั้น เห็นว่าความผิดของจำเลยไม่ร้ายแรง สาลอุธรน์ไห้ลงโทสไนคดีนี้ต่อจากคดีของสาลทหาน ทำไห้จำเลยต้องรับโทสหนักเกิดสมควนแก่ความผิด อาสัยอำนาดตามกดหมายอาญามาตรา ๓๒ จึงพิพากสาแก้สาลอุธรน์ไห้ตั้งต้นนับ+จำเลยไนคดีนี้ไปพร้อมกับโทสไนคดีแดงที่ +/๒๔๘๖ ของสาลทหาน นอกจากนี้ไห้เปน+ตามคำพิพากสาสาลอุธรน์