โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 51477 เฉพาะส่วนด้านทิศใต้ของที่ดินดังกล่าวเนื้อที่ 26.8 ตารางวา และห้ามจำเลยทั้งสี่เข้ามารบกวนการครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 3546 ของโจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นและศาลปกครองนครสวรรค์มีความเห็นว่าคดีอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลยุติธรรม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 51477 เฉพาะส่วนด้านทิศใต้ของโฉนดดังกล่าวเนื้อที่ 26.8 ตารางวา เป็นเส้นสีเหลืองส่วนพิพาท และห้ามจำเลยทั้งสี่เข้ามารบกวนการครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 3546 ของโจทก์ กับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันควรให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและจำเลยที่ 2 นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องของจำเลยที่ 2 ว่า ไม่รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ให้ยกคำร้อง และสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำสั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 ว่า ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 โดยอธิบดีผู้พิพากษาภาค 6 อนุญาตให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 และที่ 4 คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ชอบหรือไม่ เห็นว่า เงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องวางต่อศาลพร้อมอุทธรณ์นั้นเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 แต่เนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์และมูลความแห่งคดีนี้เป็นการชำระหนี้อันแบ่งแยกมิได้ เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นจำเลยร่วมคนหนึ่งได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลครบถ้วนแล้ว จึงมีผลถึงจำเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย ดังนั้น จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่จำต้องวางเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แก่โจทก์ในการใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์อีก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ และพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 และที่ 4 มานั้น เป็นการไม่ชอบ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ฟังขึ้น
อนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ จึงไม่มีค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนในชั้นอุทธรณ์ และศาลฎีกามีคำวินิจฉัยแล้วว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่ต้องวางเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แก่โจทก์ในการใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์อีก ดังนั้น ที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนตามจำนวนที่ต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับฎีกา จึงต้องคืนให้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 6 รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ไว้พิจารณาและมีคำพิพากษาตามรูปคดี คืนเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 วางศาลพร้อมกับฎีกาแก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 6 รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่