คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 915,752 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน (วันที่ 10 มกราคม 2535) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์เฉพาะดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 37,984 บาท แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 119763 พร้อมสิ่งปลูกสร้างกรรมสิทธิ์ของจำเลยออกขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น
ระหว่างพิจารณาผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงว่า ผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.2305/2560 ของศาลล้มละลายกลาง ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) แล้ว ส่วนโจทก์ไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันรับฟังเป็นยุติได้ในเบื้องต้นว่า เดิมจำเลยเป็นหนี้กู้ยืมเงินธนาคารอาคารสงเคราะห์โดยนำที่ดินโฉนดเลขที่ 119763 จำนองเป็นประกัน แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ฟ้องจำเลยเป็นคดีต่อศาลชั้นต้นหมายเลขแดงที่ ธ.2581/2549 คดีถึงที่สุดโดยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 119763 ออกขายทอดตลาด หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขอสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนธนาคารอาคารสงเคราะห์โจทก์เดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต แต่จำเลยไม่ชำระหนี้แก่ผู้ร้อง วันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของจำเลย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3)
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นในคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2543 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในมูลหนี้ไม่มีประกันได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 119763 ของจำเลยเพื่อนำออกขายทอดตลาด ต่อมาวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด และผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของจำเลยต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) แล้ว ซึ่งเป็นการขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันแล้วขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่ การที่ผู้ร้องจะได้รับชำระหนี้อย่างไรจึงต้องเป็นไปตามกระบวนการในคดีล้มละลาย ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการจัดกิจการและทรัพย์สินของจำเลยและมิได้ทำให้ผู้ร้องเสียสิทธิในการได้รับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันแต่อย่างใด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นในคดีนี้ได้อีก ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้องของผู้ร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ