โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 390พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 21, 43, 78, 152,157, 160
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 21,43, 78, 152, 157, 160 วรรคแรก ฐานขับรถยนต์ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย มีผู้ได้รับอันตรายแก่กายและอันตรายสาหัส และฐานฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300จำคุก 2 ปี ฐานขับรถยนต์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายและทรัพย์สินผู้อื่นแล้วไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 1 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องเหตุเกิดจากความประมาทของอีกฝ่ายหนึ่งนั้น เห็นว่าเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ว่ายอมรับผิด ไม่ขอต่อสู้คดีหรือโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์อีก เพียงแต่ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ ปัญหาที่ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วจำเลยจะกลับมายื่นฎีกาในปัญหานี้อีกไม่ได้ ถือไม่ได้ว่าเป็นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย"
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300ปรับ 4,000 บาท ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 160 วรรคแรก ปรับ 2,000 บาท รวมปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์