โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องภาษีเรือนโรง ๓ รายคือ
ก. โรงเรือนเลขที่ ๓๐๓๒ ด.โจทก์ว่าคนเช่าอยู่ ๖ เดือนจำเลยว่าคนเข่า ๘ เดือน เลข ๓๐๗๒ ถ.โจทก์ว่าไม่มีคนเช่าตลอดปี จำเลยว่าคนเช่า ๒ เดือน ฝ่ายโจทก์มีเสมียนบัญชีกับคนตรวจห้องเช่ามาเป็นพะยาน ฝ่ายจำเลยมีทะเบียนสำมะโนครัว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำมะโนครัวเป็นแต่เพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้น สู้พะยานโจทก์ไม่ได้ จึงให้โจทก์ชนะคดี
ข. โรงมหรศพ พะยานโจทก์ว่าให้เช่ารายวันอย่างสูงได้วันละ ๕ บาท อย่างต่ำวันละ ๒ บาทตลอดปีได้ค่าเช่า ๒๖๘ บาท ฝ่ายจำเลยเถียงว่าค่าเช่ารายวันอย่างต่ำวันละ ๒ บาท เป็นเดือนละ ๖๐ บาท แต่จำเลยประเมินเอาเดือนละ ๔๐ บาทและลดว่างให้ ๓ เดือนจึงเป็นการสมควร
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์สืบได้ชัดเจนว่าได้ค่าเช่า ๒๖๘ บาท จริงอยู่เจ้าหน้าที่เห็นว่าค่าเข่านั้นไม่ใช่จำนวนที่สมควรก็อาจคำนวณเอาตามที่สมควรได้ แต่เรื่องนี้ค่าเช่าที่โจทก์ว่าเก็บได้วันละ ๕ บาท และ ๒ บาท นั้นจำเลยก็มิได้โต้แย้งว่าน้อยเกินสมควร จึงให้โจทก์ชนะคดี
ค. โป๊ะเหล็ก มีหลังคามีฝารอบ ปิดเปิดได้ ใช้สำหรับให้คนโดยสารนั่งพักรอเรือ บางส่วนตั้งโต๊ะทำงานแผนกเดินเรื่องของ โจทก์ใต้พื้นโป๊ะเก็บน้ำมันสำหรับเดินเรือ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โป๊ะรายนี้เป็นแพโจทก์มิได้ปิดไว้หรือให้คนอยู่เผ้ารักษาจึงไม่เข้าข้อยกเว้นการเสียภาษีตามมาตรา ๙ (๕) และ ไม่เข้าข้อยกเว้นมาตรา ๓๐ เพราะไม่ได้ความว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอยู่เองหรือให้คนผู้แทนอยู่เฝ้ารักษา จึงให้โจทก์ชนะคดีในข้อหานี้อีก