โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงที่ดินของโจทก์ซึ่งมีตึกแถวปลูกอยู่บนที่ดินของโจทก์ จำเลยที่ ๒ เป็นนายกของจำเลยที่ ๑ มีอำนาจดำเนินการแทนจำเลยที่ ๑ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันรื้ออาคารบนที่ดินของจำเลยออกแล้วลงมือปลูกสร้างอาคารใหม่ ระหว่างการปลูกสร้างจำเลยทั้งสองได้จ้างวานใช้ผู้อื่นด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ได้ใช้รถแทรกเตอร์ขุดและดันดินเข้ามาในที่ดินและคานตึกของโจทก์ ทำให้ตึกของโจทก์รุก แตกร้าวและแยกแยะออกจากกันหลายแห่ง รอยแตกแยกขายออกไปเรื่อย ๆ ขอให้ห้ามจำเลยปลูกสร้างอาคาร ซ่อมแซมอาคารของโจทก์ให้กลับเหมือนเดิมและให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๒๐๐,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของตึกแถวและที่ดินตามฟ้องจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยที่ ๒ มิใช่นายกของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ รื้ออาคารเก่าเพื่อสร้างอาคารใหม่โดยได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ก่อสร้างตามแบบแปลนแผนผังอย่างถูกต้อง ผู้รับเหมาก่อสร้างมิได้กระทำโดยประมาทการทำงานก็อยู่ในความควบคุมของวิศวกรผู้ควบคุมงานตลอดเวลา ตึกแถวเลขที่ ๑๗๒, ๑๗๔ และ ๑๗๖ มิได้ทรุดแตกร้าวเนื่องจากการก่อสร้างของผู้รบเหมา แต่เกิดจากการเก่าแก่เสื่อมสภาพของวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง ค่าซ่อมไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท
ระหว่างพิจารณานายประศาสตร์กับพวกเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมและได้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีสมบูรณ์ เข้ามาเป็นจำเลยร่วม
จำเลยร่วมให้การว่ามิได้ใช้รถแทรกเตอร์ขุดและตักดินดังฟ้อง จำเลยได้จ้างเหมานายฟ้องรื้อตึกเก่า จำเลยร่วมได้ขนคนและอิฐไปทิ้งแล้วเกลี่ยดิน การทรุดและแตกร้าวของตึกเป็นไปตามสภาพของตึก
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และโจทก์ร่วม ๑๐๐,๐๐๐ บาท ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ และจำเลยร่วม
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า การรื้อตึกและสร้างตึกของจำเลยเป็นเหตุให้ตึกแถวของโจทก์และโจทก์ร่วมเสียหาย แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าให้จำเลยจ้างวานใช้ผู้อื่นกระทำละเมิด โดยนำสืบว่าจำเลยที่ ๒ ควบคุมการรื้อทำให้กำแพงตึกโจทก์แตกร้าว ซึ่งจำเลยที่ ๒ นำสืงรับว่าได้ว่าจ้างเหมาให้นายฟองก่อสร้างอาคารใหม่และจ้างนายศักดาเป็นผู้ควบคุมแล้วรายงานผลให้ทราบเป็นระยะ ดังนั้น สัญญาระหว่างจำเลยที่ ๑ กับนายฟองจึงเป็นสัญญาจ้างทำของ เมื่อจำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลมอบให้จำเลยที่ ๒ ดำเนินการก่อสร้างซึ่งเป็นการก่อสร้างตามแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตแล้ว จำเลยที่ ๒ จ้างนายศักดาควบคุมงานโดยนายศักดาต้องรายงานผลให้ทราบเป็นระยะ ๆ ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้เลือกหาผู้รับจ้าง และการก่อสร้างต้องเป็นไปตามการงานที่จำเลยที่ ๑ สั่งให้ทำ กรณีต้องตามข้อยกเว้นแห่งประมวลแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๘ จำเลยที่ ๑ จะปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยความรับผิดของจำเลยที่ ๑ จึงไม่ใช่เรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น ค่าเสียหายที่ศาลล่างกำหนดที่ก็เหมาะสมแล้ว
พิพากษายืน